One Short Story : Night of Redemption


Topic : Night of Redemption

Title : Novel
Type :One Short Story
Rate : 18+
Warnning : Drama, Bad End


คำเตือน 
  • นิยายเรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
คำชี้แจง
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน นิยายเรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
  • หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
  • รักนักอ่านทุกท่านคะ

ผมหายใจเข้ากอบโกยอากาศให้เข้าปอดด้วยสภาพที่พยายามเป็นปกติที่สุด...ที่สุดเท่าที่จะทำได้
มองรถที่วิ่งผ่านและผ่านไปมาสาดแสงสีให้ตาพร่า มองคนที่หัวเราะบ้าง พูดคุยอะไรก็ไม่รู้บ้าง
ผมพยายามเปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดซึมทราบความวุ่นวาย
เงี่ยสดับฟังเสียงพูดคุย หัวเราะ ร้องไห้ เพลง บ่น ชนแก้ว น้ำแข็ง ร้องเท้า และอื่นๆที่สะท้องก้องประดังประเดได้ยิน

...แต่หูผมก็ยังได้ยินเพียงเสียงวิทยุซ่าๆคล้ายสัญญาณไม่ดี

ผมกวาดตามองโดยรอบ... พยายามเพ่งมองการแต่งกายหลากหลายแบบ
สอดส่งสายตา แอบพินิจพิจารณผู้คนที่ผ่านไปมา เหลือบตามองแสงไฟสว่างจ้า หลากสีจากหลอดไฟ
บาร์เทนเดอร์สวมผ้ากันเปื้อนกำลังเทอะไรบางอย่างปรุงแต่งเครื่องดื่มในแก้วใสทรงสวยแวววาว
เด็กเสิร์ฟหนุ่มยืนตีหน้าระรื่นคุยหยอกล้อกับหญิงสาว คนเมาเต้นเป็นบ้าเป็นหลังอยู่บนฟอร์
มองกลุ่มตรงนั้นแหกปากหัวเราะ กับชายคนหนึ่งกำลังเกาะไหล่เพื่อนนั่งร้องไห้ฟูมฟาย
ทอดมองวิถีที่แตกต่างกันไปของผู้คนใต้ท้องฟ้าราตรีผืนเดียวกัน
 
...แต่ก็กลายเป็นว่าตาของผมนั้น เห็นเพียงแค่แก้วเหล้าในมือ และสันจมูกของตัวเอง

ผมพยามเปิดประสาทสัมผัสรับรู้
ผิวของผมกำลังถูกห่อหุ้มด้วยความอ่อนนุ่มจากเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเนื้อดี
อากาศตอนนี้ช่างอบอ้าวจนเหนอะนะตัว
ยกมือสางเส้นผมนุ่มสลวยซึ่งถูกมัดรวบอย่างส่งๆไม่เป็นทรงของตัวเอง
รับรู้ความเย็นจากบาร์เคาท์เตอร์แกรนิตสีดำผ่านผิวแขน...
เพราะชโลมอากาศเย็นจากแอร์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผับแห่งนี้เย็นสบาย

..ไม่เลยผม ผมไม่รู้สึกถึงมันเลย ผมถูกขังอยู่กับความรู้สึกบางอย่างที่ท่วมท้น จนสกัดกั้นไม่รับรู้สิ่งใด

ผมเค้นเสียงให้ตัวเองอย่างจงใจ
เสตามองเงาที่สะท้อนบนขวดเหล้าราคาแพงสีใสข้างๆ
เทมันลงตรงขอบแก้วเสียงดังกริ๊งอีกครั้ง
ก่อนจะกระดกราดเหล้าเข้าปากดังหิวกระหายน้ำมาแรมปี

มันเป็นสิ่งเดียวที่ตอนนี้....ร่างกายและจิตใจในของผมจะยอมรับ ด้วยความพึงพอใจ

ดื่มมากไปแล้ว”

ผมชำเลืองตาผละจากแก้วเหล้าที่ตัวเองกำลังกระดกดื่ม
เสตามองฝ่าแสงสีของไฟเทคกวาดสะบัดตัดผ่าความมืดเพ่งมองชายหนุ่มที่นั่งข้างกาย
ผมวางแก้วสุราที่ตนเองพึ่งราดกับความกระหายอย่างไม่ได้กระแทกตึงตัง
และขณะเดียวกัน...ก็ไม่ได้นิ่มนวล
มันก็แค่การวางแก้วธรรมดา ใช่ มันก็แค่การวางแก้วเหล้าปรกติทั่วไป
โดยไม่ได้สื่ออารมณ์ที่ครุกกรุ่นและอ่อนไหว ในใจของผมลงไปกับการวาง

นั่นแหละดีแล้ว... เขาจะได้ไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

ใช่... ผมกำลังทำตัวเฉยๆ
ผมพยายามว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ก็แค่...มานั่งกินเหล้า

พอแล้ว” เสียงทุ้มดังตัด แผ่วจางราวกระซิบ
มือเรียวที่กำลังจะเอนคอขวดเหล้าหยุดนิ่ง ด้วยใจที่สั่นไหว
หวังจะเทเหล้าลงแก้วอีกช็อต แต่มือหนารีบรั้งปากขวดทรงสวยไว้
ดวงตาคู่งามนั้นไม่เผยอารมณ์ใดๆ
ไม่...แม้แต่มองมาจ้องใบหน้าของคนห้ามสักนิดเลย

ดวงตาโตคมมองขวดแก้วแปะฉลากเหล้า
สองมือกำเอาแก้วเย็นเยียบอย่างสะกดกลั้นความสั่นไหว
ในหัวที่แทบจะหลอมละลายไปพร้อมกับคอที่ร้อนผ่าว... เพราะคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป

สุดท้ายน้ำตาของก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ...เท่านั้นเอง

อย่าร้อง”เสียงทุ้มบอก

...ทำไม่ได้...
...ผมทำอย่างที่เขาบอกไม่ได้...
น้ำตายังคงระรื่นกลิ้งหล่นไม่หยุดหย่อน
ทว่าเจ้าตัวกลับไม่เช็ด ไม่ร่ำร้อง คร่ำครวญ ให้หนวกหู
ไม่มีแม้แต่เสียงสะอึกสะอื้นเรียกร้องความอาดูร
แค่ร้องไห้ อยู่อย่างเงียบๆ เท่านั้นเอง

อย่าเป็นแบบนี้เพราะกู”

สติของผมไม่ได้มีปฏิกิริยาคำขอนั้นของเขา
อาจเพราะฤทธิ์เมา...ผมยังคงนิ่งและปลดปล่อยน้ำตา
เหล้าครึ่งขวดที่ดื่มมา ทว่าสติยังคงครบครัน
ครบพอจะรู้ว่าตัวเองนั้น...กำลังเจ็บปวด...เหลือเกิน

ผมไม่ได้ถูกบอกเลิก...แต่ถูกปฏิเสธรัก

กูกำลังจะแต่งงาน”

ใครพูดเหรอ ก็ไอ้คนที่นั่งข้างผมนี่แหละพูด!
แถมนั่งตาใสมองผมกินเหล้าเหมือนจิบชาจนผมไปไม่ถูก
ทำไมมึงถึงต้องมาเสนอหน้าในช่วงเวลาแบบนี้ด้วยวะ?
...ช่วงเวลาที่กูทั้งอยากอยู่ใกล้มึงที่สุด และไปให้ไกลมึงที่สุด...
ขอเวลาให้กูหยุดอยู่กับตัวเอง โดยไม่ต้องยึดติดกับมึงสักชั่วครู่ชั่วยามได้ไหมวะ?

...จะให้ผมทำไงล่ะ ก็เขาตัดสินใจไปแล้ว...

ผมไม่ใช่เป็นเด็กนะที่ไม่พอใจใครก็บอกว่าโป้ง
พอไร้ซึ่งความโกรธเคืองที่สั่งสม ก็มาเกี่ยวก้อยคืนดีแล้วเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้น่ะ
ผมก็ไม่ได้โตพอที่จะรับมือกับเรื่องนี้ หรือรู้วิธีจัดการมันให้จบภายในพริบตาหรอกนะ
ผมทำได้แค่เพียงปล่อยมันเป็นไปอย่างนั้นล่ะ แล้วแต่เรื่องราวจะกำหนดทิศทางให้เป็นไป

ผมดีใจที่คนข้างๆให้ความร่วมมือโดยหุบปากเงียบๆตั้งแต่ผมเริ่มกินเหล้า ไม่เหมือนก่อนหน้านั่น ที่เขาพยายามอธิบายกับผมว่า ทำไมรับรักผมไม่ได้

โอเค...เขาไม่ได้โทษผม แต่เขาพรั่งพรูเหตุผลต่างๆนาๆว่าทำไมผมกับเขาใช้ความรักเป็นเหตุผล ในการใช้อยู่ด้วยกันไม่ได้
เออ! เขาอธิบายเหตุผลเยอะแยะจนตาชั่งตัดสินในใจผมคล้อยตาม ว่าทีเขาพูดมาร้อยแปดนะถูกต้องอย่างไม่มีข้อสงสัย
ส่วนผม...ก็แค่คนที่ผิดไง...

จะให้ผมสู้เขาได้ยังไง... จะให้ตาชั่งข้างผมหนักกว่าของเขาได้ยังไง
ก็ในเมื่อเขามีเหตุผลดีงามล้านแปดมากมาย
แต่ผมกลับมีประโยคโง่ๆ เพียงประโยคเดียวมาสู้
...ผมได้แต่พูดแย้งว่า กูรักมึงเท่านั้นเอง...

มันก็แค่นี้เอง...
คนในศาล รวมทั้งใจที่เป็นทนายฝั่งผม ก็ยกให้เขาชนะความ
แล้วผมล่ะ...คิดว่าผมก็ติดคุกแห่งความโศกเศร้า เท่านั้นใช่ไหม?

เปล่า... เขานั้นช่างเป็นโจทก์ที่แสนใจดี...ใจดีเกินไป
เปิดคดีใหม่ ต่อรองไม่ให้ผมเข้าคุกแห่งความเสียใจนั่นอีกหนึ่งคดี

แล้วผมล่ะ...ต้องถูกจับใส่กุญแจมือ ยืนอยู่ต่อหน้าศาลและลูกขุน
คอยฟังเสียงค้อนเคาะตัดสินตัวผมอีกกี่ที เขาถึงจะพอใจกัน

ผมเลยต้องพยายามทำเรื่องย่ำแย่นี่ ให้กลายเป็นเรื่องที่ดูดีที่สุด
โดยการฝืนทำใจยอมรับเรื่องนี้ นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้...ใช่ไหม
ต้องเสแสร้งแกล้งทำว่า... เออ ไม่ต้องห่วง...กูเข้าใจ กูพยายามทำใจ รับเรื่องนี้อยู่ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง

ทั้งๆที่ตัวผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า ตัวเองทำใจได้ที่ไหนกัน...
ก็ใจมันพังจนเป็นเศษเล็กๆไม่เหลือชิ้นดีกองอยู่ที่ตีนนี่ไง!

ให้แก้วเหล้าเป็นดั่งไบเบิล
ให้ขวดเหล้าเป็นดั่งกางเขน
ให้คอที่แสบสรรเป็นดั่งหลักฐานจากการภาวนา

พระเจ้าจะอวยพรผมให้ผมไหมนะ
โปรดชี้ทางตัวผมหลุดพ้นบาปนี้ที

...ว่าไปนั่น...
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกับความนึกคิดนี่หรอก
ทุกอย่าง...ก็เหมือนเดิม

ผมรู้ว่าผมคงอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้
และ...จะดำเนินชีวิตต่อไปด้วยจิตใจแบบนี้...ก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นผมจึงค่อยๆยิ้มช้าๆ อย่างเงียบกัน
ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง...
ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ผมจะทำให้ตนเองดำดิ่งที่สุด...
และหลุดพ้นเฉกเช่นเหล่าแม่มด... ผู้ซึ่งโดนนักบุญสั่งเผา เพื่อให้ไปพบพระเจ้า และชำระมลทิน

ผมค่อยๆผินหน้ามองเขาเผยรอยยิ้มที่เวทนา
ก่อนกล่าวคำขอร้องทั้งน้ำตา...
คำขอร้องที่เขาไม่อาจปฏิเสธผมคนนี้ได้เลย

________________________________

ในห้องนอนที่คุ้นเคย กระจกใสเผยมุมเมืองยามราตรีที่สว่างงดงามจากแสงหลากสีจอมปลอม ในห้องนอนไม่ได้มืดมิดเพราะแสงจันทร์สีนวลกล้ำกราย สีเงินมันช่างสวยงามและเย็นเยียบบาดลึกถึงขั้วหัวใจยามได้มอง ต่างจากเขาตอนนี้ที่กอบกุมหน้าที่ยังคงเปรอะน้ำตาของผม เขามองผมด้วยสายตาขมุกขมัวอย่างไม่รู้ว่าตัวเอง ว่ากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน ขณะที่ผมก็ไม่รู้...ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรเช่นกัน

ร่างของชายหนุ่มนั่งอยู่บนขอบเตียงโทนดำขาวที่เก็บเรียบร้อย เขามาห้องนี้บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเจ้าของห้องต้องถูกบั่นทอนความรัก ที่ไม้ได้แม้แต่จะเริ่มต้น... ด้วยวาทะการตัดสินจากเขาเอง

ร่างที่ของที่เอ่ยวาจาอาจด้วยความเมามาย โศกเศร้า โกรธเกรี้ยว เจ็บปวด นั่งอยู่กับพื้นใกล้ๆ ศีรษะทุยปล่อยให้ผมนุ่มหยักเล็กๆคลอเคลียบนหน้าตักแกร่ง อิงเอนใบหน้านวลที่ยังคงรินน้ำตาแห่งความเงียบจากนัยน์ตาช้ำแดง มือเรียวค่อยๆปลดหัวเข็มขัดของคนตรงหน้าก่อนจะร่นขอบชั้นในลง แม้ผู้ได้รับการปรนเปรอจากลิ้นเรียวของร่างโปร่ง จะออกวาจาห้ามอยู่หลายครา แต่ริมฝีปากเล็กที่ครอบความเป็นชายของเขาตวัดไล่ กุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เสียงทุ้มครางอย่างพอใจ และเผลอไผลทิ้งความสุภาพและความเกรงใจเมื่อครู่หมดไปอย่างรื้อฟิ้นสันดานกระหายของคน มือใหญ่สอดเข้าไปใต้กลุ่มนุ่มก่อนจะฉุดดึงให้ปรนเปรอมากกว่านี้อย่างเอาแต่ใจ

คนที่พยายามตวัดลิ้นเลียกระตุ้นอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บทันที เมื่อเขาดันรั้งให้รับแท่งเนื้อที่เริ่มแข็งนั่นเข้ามาในโพรงปาก ลึกมากเกินไปจนกระแทกกับลำคอด้านใน แต่กระนั้นก็ยอมรับความเจ็บปวดราวกับลงโทษตัวเอง ไม่เผยท่าทีว่าไม่ต้องการทำต่อแล้วให้ได้รู้

...ทำไงเล่า ในเมื่อคนเริ่มก็คือตนนั่นแหละ เรียกร้องต้องการ...

แขนเรียวที่มีกล้ามเนื้อพองามตามประสาคนไม่มีไขมันตกข้างเยอะ ดันรั้งกับตักแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเพื่อเป็นฐานยันตัวให้ลุกขึ้น ร่างกายของคนที่ถูกเชิญชวนมาที่นี่ โดนมือเรียวผลักอกแกร่งอย่างแรก ชายหนุ่มทิ้งตัวเอนราบบนเตียงนอนที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นของร่างโปร่งที่คลืบคลานเกาะเกยอย่างเย้ายวน สติของชายหนุ่มก็พร่าเลือน ปลดเปลื้องเปลือกนอกที่ห่อหุ้มด้วยความดีงามและสติ เผยสันดานซึ่งครอบครองด้วยสัญชาตญาณและอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโฉนโหมกระหน่ำไร้การขัดเกลา บทบาทผู้นำเรื่องปรับเปลี่ยน เมื่อมือหนาตะปบผู้อยู่เหนือตน ด้วยความรู้สึกไม่พอใจกับการดำเนินการที่เชื่องชา ก่อนดันโถมให้ปะทะลงบนเตียง พลิกร่างที่กำยำกว่าทาบทาม ก่อนโลมเลียร่างกายผู้อยู่เบื้องล่างด้วยตัณหาที่กระหายไม่อาจเก็บกับคืน เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว ไม่สนใจถึงความน่าสงสารที่อีกฝ่ายเสนออกมา

...ในตอนนี้ ชายหนุ่มต้องการปลดปล่อยและเติมเต็มความต้องการแสนร้อนรุ่ม ที่มีชื่อว่า Sex..

นิ้วแกร่งสอดเข้าที่ขอบกางเกงเอวสอบปราศจากกล้ามเนื้อต่างจากตนอย่างรวดเร็ว ก่อนกระตุกให้อาภรณ์หลุดออกไม่คำนึงถึงราคาว่าแพงเพียงใด ไม่สนใจว่ามันจะขาดเสียหายหรือไม่ เพียงสะบัดมันให้พ้นผิวขาวเนียนเป็นพอ กางเกงยีนส์และชั้นในหลุดครืดลงมากองคาที่ขาอ่อนอย่างรวดเร็ว แรงกระชากจนอาภรณ์เสียดผิวสร้างความแสบร้อนให้เอวและสะโพกคนที่โดนปลดจนเบ้หน้าเหยเห

คราบน้ำตาคงค้างอยู่ที่หน้า ริมฝีปากที่หล่อไปด้วยน้ำลายขยับยกที่มุมตกขึ้น เพื่อแสยะเค้นยิ้มให้กับตนเองอย่างดูแคลย มองแท่งเนื้อคนตรงหน้าผ่านแสงจันทร์ แขนเรียวของคนที่นอนราบชูขึ้นลากนิ้วทั้งสิบลูบโรยแผ่วเบาบนแผ่นหลังกว้างของผู้ที่อยู่เหนือตน ขณะที่อีกคนนิ้วชี้แกร่งค่อยๆสัมผัสกระดูกซี่โครงที่นูนผ่านผิวหนังของร่างที่นอนราบอย่างหลงใหลพิจารณา แม้อารมณ์ตอนนี้อยากจะกลืนอีกฝ่ายที่มีร่างกายเย้ายวนสันดานดิบของตนให้ตื่นขึ้น เพราะผิวนวลช่างโดดเด่นเมื่อต้องแสงจันทร์ ทว่า...ก็ต้องปรนเปรออีกฝ่ายบ้าง ยิ่งกับช่องทางที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อกิจอย่างนี้แล้วก็ควรจะระวังที่สุด แม้ตระหนักว่ากระทำทารุณไปก็ไม่ผิดเพราะคนเบื่องล่างจะเชิญชวนเองก็ตาม

ร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อร้องหาตัวช่วยและเครื่องมือที่ปลอดภัย แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็น รอยยิ้มงามผ่านแสงจันทร์พร้อมกับความเงียบ นั่นทำให้ชายหนุ่มเกิดความวิตก คนที่กำลังไหลตามอารมณ์ได้ตื่นตระหนก ร่างหนากระตุกกายหนี ทำท่าจะลุกเดินหนีจากไป

ร่างโปร่งเห็นดังนั้นก็ผวาลุกกอดเกี่ยวร่างสูงไว้ ก่อนโถมแรงทั้งหมดดันอีกฝ่ายให้ลมตัวลงนอน แล้วประกบจูบสอดลิ้นเรียาเข้าปากของอีกฝ่ายตวัดตักตวง ส่งมอบความหอมหวาน ละลายความนึกคิดตรรกะอีกฝ่ายให้มลายสิ้น ก่อนจะรั้งลิ้นอีกฝ่ายให้เข้ามาในปากตนบ้าง ร่างสูงหมดกำลังที่จะนึกคิดอันใด มือใหญ่ช้อนศีรษะทุยของคนช่างปรนเปรอเอา แล้วจูบอย่างดุดันร้อนแรง กอบโกยสัมผัสนุ่มลึกในปากของคนที่เฝ้ามองเขามาตลอดอย่างตื่นตะลึง และลิงโลดไปกับความแปลกใหม่ที่เยี่ยมยอดเกินบรรยาย

...ไม่ไหว...หายใจไม่ทัน...

ห้วงสติของคนที่เปลี่ยนจากผู้ริเริ่มเป็นผู้ถูกไล่ต้อน สองหูอื้ออึงไปด้วยเสียงทุ้มเท่าครางอย่างพอใจ ลิ้นสากเริ่มลุกไล้เขาไปในปากจนเกินรับไหว เจ้าของมือเรียวที่ยกดันอกจึงพยายามตัดปากอย่างตนตัดรอน เปล่งยินเสียงร้องเล็กๆประท้วงออกมา ปากหนาผละออกเล็กน้อย ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจ ตาเรียวคมหยาดเยิ้มไปดวงห้วงอารมณ์แต่ก็ล้ำลึกเก็บซ่อนความลุกโชน เพ่งมองริมฝีปากเห่อช้ำ และเปลือกตางามที่ปรือมองคล้ายคนตื่นนอนอย่างพึงพอใจ ก่อนประกบเข้าไปใหม่และลิ้มรสอย่างอ่อนโยนกว่าเดิม แต่ทว่าอยู่ๆความรู้สึกร้อนวาบก็ครอบคลุมแก่นกาย มือหนารีบบีบต้นแขนของคนที่รับจูบ และเริ่มรุกกลับอย่างหาญกล้าให้ผละออกก่อน แล้วเหลือบตามองภาพของบั้นท้ายได้รูปบดเข้าตรงนั้นของเขา

ร่างโปร่งยิ้มให้อย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะผละมือหน้าที่บีบต้นแขน และประสานนิ้วเรียวกระกบกับมือของเขา ซึ่งผู้เป็นเจ้าของพยายามร้องห้ามว่าอย่าทำแบบนี้ แต่เขาไม่มีสติใดๆแล้ว อยากให้ความดำดิ่ง ลบเลือนทะเลความรู้สึกให้ระเหยหายเกลี้ยงจากใจ ด้วยไฟตัณหาเต็มที ร่างโปร่งค่อยๆทิ้งตัวรับสิ่งแปลกปลอมเสียดแทงเข้ามาในตัวเอง

เขารู้สึกแน่น ร้อนและรู้สึกดีอย่างสุดๆ ผมได้ยินเสียงเขาครางอย่างพอใจ ผมปล่อยตัวไปตามอารมณ์ ไม่มีอารมณ์กามที่มาจากความลุ่มหลงหรอก มันมีแค่ความรู้สึกว่า เอาสิ ทำเลย ปรนเปรอให้เขาคืนนี้  ประทับความสุขลงในจูบ และตอกความรู้สึกกที่ยากเกินจะหวนกลับลงในเซ็กนี่
...ชดใช้บาปของมึงเท่าที่มึงต้องการจนพอใจ พรุ่งนี้ทุกอย่างจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

พรุ่งนี้...ผมจะลบความรักต่อเขาโดยสมบูรณ์

เจ็บทุกครั้งที่ขยับไล่ตัณหาของอีกฝ่าย เอวสอบหนาที่ขยับเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกว่าให้เร่งเร็วกว่านี้ ผมทนใช้โคนขาทั้งสองข้างเป็นฐาน ขยับตัวลิ่มรสความเจ็บปวดจนแทบไม่มีแรงรั้งให้ร่างตัวเองปรนเปรออีกฝ่ายต่อ แสบและเจ็บ แต่ก็ไม่อาจหยุดได้แล้ว ยิ่งเร็วขึ้นก็ยิ่งปวด ร่างของเราสองคนขยับหวือจนกระทั้งคนที่นอนราบกระตุกเกร็ง ผมรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะผ่อนอีกไม่ช้าจึงกระแทกตัวลงอีกสองสามครั้ง พรางบอกเขาตรงๆว่าไม่ต้องทนไว้หรอก สุดท้ายความอุ่นวาบก็ปล่อยมาในช่องทางที่แน่นแสบ ผมร้องเบาๆเมื่อรู้สึกปวดข้างในจนต้องล้มไปซบอีกฝ่าย

พวกเราทำแบบนั้นตรงขอบเตียง ด้วยความที่เขาอยากให้ผมได้นอนดีๆ ต้นขาแกร่งตวัดเกี่ยวผลักให้ผมล้มนอน เขาตั้งใจพลิกตัวขึ้นทาบผมช้าๆ แต่ทว่าผมไม่มีแรงรั้งน้ำหนักตัวเขาพอ จึงกลายเป็นกว่าผมกับเขาเสียหลักทั้งคู่ ด้วยสัญชาตญาณอีกฝ่ายผงะตัวออกลุกยืน กลายเป็นว่าเขาถอนแก่นกายออกมาทันที ผมร้องหวีดอย่างสุดเสียง ส่วนเขาทั้งใช้เข่ายันขอบเตียงไม่ให้ล้มทับผม ร่างหนาคร่อมผม ใช้เข่าและศอกรั้งร่างตัวเอง มือหน้ากอบกุมใบหน้าผมที่เหยเกด้วยความเจ็บปวด กดจมูกโด่งเหนือขมับที่ชื้นเหงื่อของผม พร่ำขอโทษข้างหูเสียงเบา

...ผมไม่อยากได้แบบนี้...

...ผมอยากถูกแผดเผาเป็นการลงโทษเหมือนแม่มดนอกรีต ไม่ใช้ฟังบทสวดแสนอ่อนโยนขลัดเกลาจิตใจแบบนี้...

ผมบอกเขา รั้งคอเขาไว้ บอกให้เขาปลดปล่อยอารมณ์ในตัวผมอีก แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงความรู้สึกที่ผมไม่ต้องการ อย่าเลย อย่าสงสารเลย ทำมันเถอะ แต่ทว่าเพราะอาจจะสภาพช่องทางของผมที่เขาได้เห็นผ่านแสงจันทร์มันดูเปรอะด้วยน้ำกามและเลือดเล็กๆละมั้งทำให้เขาเริ่มลังเล ปากหนาที่มีหนวดบางๆกำลังจะอ้าปากกล่าวอะไรบางอย่างที่เป็นการร้องขอให้หยุดกองไฟที่จะส่งผมไปชำระมลทินกับพระเจ้าแน่ๆ ผมรู้...ผมรู้ทันเขา เขากำลังสวมเสื้อผ้าแห่งคุณธรรมอีกครั้ง ทำให้ผมรีบประกบปากอีกรอบละลายเปลือกนั้นอีกรอบ  พยายามใช้ขาของตัวเองดันเข่าทั้งสองข้างของเขาที่เป็นฐานให้ล้มและทิ้งตัวราบบนผม ก่อนจะตวัดขาขึ้นเกี่ยวเอวหนาพยายามบดขยี้ตรงนั้นของเขา จนร้องครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เขามองผมราวกับจะกล่าวเตือนว่าให้ผมรู้ว่านี่คือการเลือกของผมเอง เขาจึงเริ่มอีกรอบ แต่คราวนี้เขาเริ่มด้วยนิ้วสากๆของเขาสอดเข้ามาในช่องทางแสนสกปรกของผมอย่างไม่รังเกียจ

ผมร้องเหอะอย่างไม่พอใจ ก่อนจะผินหน้ามองข้างนอก ปล่อยน้ำตาอีกครั้ง นิ้วที่เริ่มขยับหาจุดที่สร้างความรู้สึกดีๆให้ผม แต่มันไม่มีเลย ไม่ว่าเขาจะแตะตรงไหนมันก็แสบ มันก็เจ็บไปหมด ได้โปรด อย่าทำให้เสียเวลาเลย ใส่เข้ามาเลยเถอะ ถึงผมจะไม่มีความสุขแต่เขามีแน่ๆ ผมเกาะเลิกเกาะก่ายตัวเขาแล้ว มือทั้งสองจิกลงบนผ้าปูอย่างเจ็บ หันหน้าจนจมเตียงแล้วกัดผ้าปูที่ไร้ความเรียบอีกต่อไปขึ้นมา แทนกาเม้มปาากปิดกั้นความทรมานของตัวเองเมื่อนิ้วที่สองเริ่มใส่เขามา คนเหนือกว่านิ่วหน้าเล็กๆเมื่อรู้ว่าผมเจ็บ ทั้งๆที่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้าแท้ๆ แต่ร่างกายกับซื่อสัตย์ เกร็งแน่นทุกครั้งที่มีการขยับ

และผมก็บอกเขาอีกครั้งว่าให้เข้ามาเลย แน่นอนเขาทำท่าจะลุกหนีแต่ผมไม่ยอม ไม่นะ อย่าทำให้สิ่งที่ผมต้องการพังทลายเลย ทำคำขอสุดท้ายนี่เถอะ เพื่อความเห็นแก่ตัวนี้ ผมฝืนความเจ็บได้อย่างไรที่ติ กระชากกางเกงที่คาอยู่ตรงเข่าทิ้ง ผวาเข้าหาร่างที่ลุกจากเตียงและจัดแจงกางเกงชั้นในพร้อมจะกลัดเข็มขัดตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะคุกเข่าต่อหน้ากอดต้นขาเขาอย่างน่าเวทนาแล้วเริ่มรื้อเข็มกลัดนั่นอีกรอบ เขามองผมอย่างปวดใจแล้วสะบัดผมออก เหอะ!.. ตอนนี้อย่างกับผมและเขากำลังเล่นละครบทโศกสุดน้ำเน่าแหนะ แต่ว่านะ... แค่คืนนี้มันก็จบแล้ว

และผมก็ใช่แผนสุดท้าย ว่าด่าเธอผู้เป็นที่รักเหมือนตัวร้ายในละครอย่างเสียหาย ผมรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายโกรธง่ายเมื่อมีใครบังอาจแตะต้องคนที่เขารัก เขาหันมามองผมอย่างโมโห ก่นด่าผม แต่ผมก็ใส่ไฟอีกครั้ง คราวนี้เขาเป็นฝ่ายกลับกระชากต้นแขนผมผลักให้ผมนอนกับพื้นนั่นแหละ ไม่มีจูบอีกแล้วเขาปลดกางเกงออก ยัดมันลงปากผมอย่างดูถูกผม ผมพยามปรนเปรอเขาอีกครั้ง เราสองคนสติแตกไปแล้ว เมื่อรถเบรกแตกกับคนกินเหล้าจนเมาหัวทิ่ม ผมเริ่มต่อไป อีกฝ่ายไร้ความใยดีเช่นกัน เซ็กที่รุนแรงเขาครางออกมาด้วยความต้องการที่ปลดปล่อย และผมครางออกมาด้วยความทรมาน

การปลดปล่อยไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา ผมจำอะไรไม่ได้นอกจากความเจ็บปวดของร่างกายกับจิตใจที่กำลังชดใช้นี่ ไม่รู้ว่าเราหยุดกันเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเขาที่อารมณ์เย็นลงแล้วกล่าวอะไรที่ข้างหู แต่ในขณะเดียวกับผมก็สูดกลิ่นของเขา สัมผัสร่างของเขา รับรู้ถึงความบ้าคลั่งอีกครั้ง



นี่...ไม่ใช่การรั้งไว้

.

แต่เป็นการตอกสันมีดตัดความสัมพันธ์ให้ขาดสะบั่น
อย่างไม่อาจหวนคืนต่างหากล่ะ


________________________________

ผมลืมตาขึ้นมา มองฟ้าที่เริ่มสางเหนือเมืองที่ปิดแสงไฟราตรีแล้ว ผมกวาดตามองห้องนอนที่ไม่ใช่ของตัวเอง ยกมือคลึงขมับเพื่อเรียกร่างกายให้ยอมรับความจริงให้ได้

เมื่อคืนไม่ได้เมา... สติครบถ้วนทุกอย่าง
เมื่อคืนผมได้พังทลายความรู้สึกของคนที่เฝ้ามอบความรักให้ผมตลอดอย่างอดทนไม่เรียกร้องสิ่งใด

แต่ผมช่างใจร้าย....ไม่สิ...ต้องเรียกว่าโคตรโง่เขลา
ผมคิดเอาง่ายๆว่าแค่บอกว่าไม่รับรักทุกอย่างก็จะจบ
ใช่...มันดูไปได้ดี เขานั่งกินเหล้าต่อ
ผมคิดว่าเขาน่าจะกำลังคลายความเศร้า ความทุกข์ จากความรักที่ผมพึ่งบอกให้เขายุติไปไป
ผมว่าเขาอาจะต้องการใครสักคน เลยนั่งข้างเขาอย่างเงียบๆ

ผม...ผมรู้ว่ามันเป็นการทำให้เขาทรมาน
แต่ความเห็นแก่ตัว ผมก็ไม่อยากให้เขารู้สึกเจ็บปวดเพราะผมเช่นกัน
ผมจึงทำเรื่องโง่ๆอย่างนั้นไป

ผมรู้นะ...ว่าการตัดความรอนความรักมันไม่ง่ายขนาดนั้น 
และไม่สามารถยอมรับทำใจได้ฉับพลันทันทีทันใด
แต่มันต้องมีการเริ่มค้น ไม่เช่นนั้นมันต้องยืดเยื้อต่อไป
ผมจึงพูดกับเขา พูดเรื่องระหว่างเรามันควรจะจบอย่างสิ้นเยื้อขาดใย...
ผมรู้...ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดที่ต้องเห็นความรักที่ตนเองก่อค่อยๆทลายไป และต้องทำใจยอมรับมัน

แต่ผมไม่รู้เลย...เขาฉลาดกว่าผมนัก... ฉลาดพอที่จะทำให้ความรู้สึกที่ก่อมาหลายปี ถูกทำให้ทลายให้เป็นผุยผงเพียงพริบตา

ใช่ เจ้าบ้าข้างๆผมใช้ค้อนทุบมันให้เป็นผงในคืนเดียว

ผมมันโง่เกินไปที่ยอมรับคำขอเขา
ยอมรับคำขอ...ที่คิดว่าแค่ความต้องการจากก้นบึ้งจิตใจที่ลอยขึ้นมาเพราะฤทธิ์เหล้าค่อนขวดนั่น

เซ็ก...ที่ผมคิดว่าจะเป็นแค่การยอมให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อจะได้เป็นเรื่องระหว่างเราในความทรงจำ
ผมทำไปเพื่อตอบแทน และชดเชยที่ผมทิ้งความรักดีๆ ที่เขาทนมอบให้คนเหี้ยๆอย่างผม
ก่อนเราจะแยกจากกันด้วยดี เป็นความทรงจำที่หอมหวานระลึกถึงกันเหมือนในนิยาย...

แต่รู้ไหม!? เขาฉลาดมากที่ใช้ความทรงจำสุดท้ายนี้ เป็นกรรไกรชั้นดีในการตัดพวกเราไม่ให้รักกันอีก
เออ! มันกลายเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายแล้ว
ต่อจากนี้... ผมคงไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดหน้าให้เขาเห็นอีกแล้ว

เขารู้ตัวดี ว่าตื่นมาในเช้านี้ ยังไงผมก็ไม่รักเขา
แต่ผมแม่ง! ไม่เคยคิดเลย ว่าเขาตื่นมาแล้วจะเป็นยังไง

แต่เขารู้! เขารู้ไปซะทั้งหมด และเขาได้บอกความรู้สึกทั้งหมด...
...ผ่านเสียงร้องเรียกชื่อผมที่แสนทรมานกับเซ็กที่น่าเจ็บปวด ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

เขาเดาได้หมดว่า ถ้าเราแค่แยกกันเฉยๆแล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็คงยังหน้าด้านหน้าทนเพราะความโง่ เดินเข้ามาหาเขาอย่างปกติ ซึ่งเขารู้ตัวดีว่า เขาจะก่อความรักบนซากปรักหักพังแห่งความหลงใหล แล้วเฝ้ามองมันทลาย ก่อนจะก่อทับขึ้นมาอีกเมื่อผมยังคงวนเวียนอยู่กับเขา เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งวันหนึ่ง รากฐานที่ไม่แข็งแรงก็ทลายทุกสิ่งให้พังลงมาทับตัวเขาตาย

เขารู้...ว่าผมมันโง่เกินไปที่จะเข้าใจว่า ทำไมเราไม่ควรประจันหน้ากับคนที่ตัดเยื้อใยไปแล้วครั้งหนึ่ง
เขารู้....ว่าผมอาจเก็บอาการเวทนาและความใจดี หรือเลวร้ายสุดผมก็เผลอคิดว่านั่นเป็นความรัก แล้วมานั่งเจ็บปวดกับการเลือกระหว่างความรักของเธอคนนั้นที่ผมจะแต่งงานด้วยและความรักของเขา

เขารู้! เขารู้! เขารู้หมดเลย!

และเขาก็รู้ว่า เรื่องที่เกิดเมื่อคืนนั้น จะทำให้ผมไม่เดินเข้ามาหาเขาอีกแน่
ใช่... เหมือนตอนนี้ ที่ผมไม่กล้าแม้แต่หันไปมอง แค่รู้สึกว่าต้องอยู่ข้างๆร่างโปร่งที่ผมทารุณกรรมเมื่อคืนผม ก็อยากจะให้พระเจ้าหรือเธอคนนั้นสวมกอดผมแล้ว เออ ผมมันขี้ขลาด!

ไม่เหมือนกับเขาที่ยอมลงทัณฑ์ตัวเองอย่างกกล้าหาญ
ขีดเส้นอย่างชัดเจน กั้นผมไม่ให้เข้าหา โดยการสร้างเรื่องเลวร้ายจากรึกในใจผม
สร้างรอยแผลด้วยแซ่ที่ไล่เฆี่ยนแผ่นหลังตัวเอง ยัดความเจ็บปวดนั่นลงในความทรงจำของเราทั้งสองคน

เพื่อเขาจะได้หลอกตัวเองได้ว่า... ไม่โหยหาผม มีความสุขกว่าสิ่งใดๆ

แต่ ณ ตอนนี้ อย่างน้อย... ก็ขอให้มีความกล้าในการเผชิญหน้ากับร่างนั่นหน่อยเถอะนะ

ผมค่อยๆลืมตา ปรับโฟกัสภาพอีกครั้ง รับรู้ว่าร่างกายตัวเองไม่มีอะไรปิดบังเรือนร่างกำยังที่เปลือยเปล่านี่เลย ก่อนจะค่อยๆหันมองหาอีกร่าง ยันตัวลุกและผินหน้ามองข้างๆ แต่ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อไม่มีร่างที่อยู่ในบาร์กับผมเมื่อคืน ผมกวาดตามองอีกครั้งก่อนลุกขึ้นอย่างผวาหวาดกลัว แต่ขณะที่ของผมเท้ากำลังก้าวแตะลงพื้น ดวงตาของผมก็เหลือบร่างที่คูนอนกับกองผ้านวมที่ดำบนโซฟาที่ไม่ไกลจาเตียง ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะใช้มือลูบหน้าเรียกสติแล้วมองทุกอย่างภายในห้องเต็มๆตา

เครื่องนอนที่เป็นสีดำเข้มทั้งหมดยับย่นไม่เรียบตึง ต่างจากนิสัยเจ้าระเบียบของเจ้าของห้อง แต่คราบน้ำกามแห้งกรังมากมายมันเด่นชัดและพอจะบอกเรื่องราวได้ทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น ผมกระชากผ้าปูออกและหันมามองร่างโปร่งที่ห่มผ้าอย่างหมิ่นเหม่ ผมหนุ่มคลอเคลียไปกับใบหน้าขาวคม ดวงตาสวยปิดสนิท รอบๆด้วยตาแดงก่ำ คราบน้ำตาบางๆไม่ได้ให้ความหมายที่แท้จริงของอารมณ์คนๆนี้เลย

ขยับเท้าก้าวเข้าใคร กวาดตาสำรวจด้วยลมหายใจที่ติดขัด รอยจ้ำตามตัวแดงเห่อบ้าง ม่วงจางๆบ้าง หรือขึ้นเขียวบ้าง แย่สุดคงเป็นรอยฟันที่เหวอะจนน่ากลัวตรงยอดอกข้างหนึ่ง ต้นแขนที่มีรอยมือเด่นกำรอบ ผมย่อตัวลงคว้าชั้นในและกางเกงมาใส่ลวกๆก่อนจะเดินมาหาคนที่ไม่ได้สติอีกครั้ง นั่งยองๆมองหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเป็นปกติดี แต่สีหน้าไม่ดีคงมาก อาจเพราะวอดก้าเมื่อคืน

...ตื่นมาคงแย่หน้าดู...

ผมใช้มือของตัวเองปัดปอยผมก่อนไล่มือไปที่ซอกคอ หลังคอ แก้มและหน้าผาก ไข้ที่อ่อนๆและน่าจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ คลี่กองผ้าออกจากเอว ก่อนจะเหมือนจมน้ำกับสภาพที่บอกได้แค่ว่า<ถูกข่มขืน>

รอยช้ำจากฝ่ามือที่ต้นขา เลือดและคราบขาวแห้งเกรอะเปรอะไปทั่วและติดช่องทางที่ดูบาดเจ็บจนหน้ากลัว ผมจัดแจงหมอนและช้อนร่างเขาขึ้นเตียง  เอาผ้านวมและผ้าปูโยนใส่ถังซัก อาบน้ำและออกไปซื้อยา กลับมาเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายคนที่ตัวร้อนกว่าเดิมเท่าที่จะทำได้ กรอกยาพร้อมน้ำใส่ปากตัวเองและส่งต่อสู่ลำคอคนที่ไม่มีสติ ป้ายเจลลงบนบาดแผล สวมเสื้อผ้าเนื้อดีให้เจ้าตัวแล้วตวัดผ้าห่มคลุม

เปิดเครื่องปรับอากาศในระดับที่พอดี ก่อนตรวจตราหน้าต่างประตู เหลียวมองร่างที่หลับใหล ก่อนจะหมุนตัวมุ่งไปที่ประตูหน้า เปิดมันออกอย่างเชื่องช้า แล้วแทรกตัวก้าวผ่านธรณีประตูออกไป เมื่อพ้นขอบประตูก็ลอบมองเจ้าของห้องที่หลับบนเตียงอีกหนึ่งครา บานประตูที่ค่อยๆปิดช้า พร้อมกับดวงตาเรียวคมมองเสี้ยวภาพที่ค่อยๆเล็กลง จนกระทั่ง...เสียงล็อคอัตโนมัติดังขึ้น

และ.....

ผมก็จากไป
พร้อมกับคำสาปที่เราทั้งสองไม่อาจส่งผ่านอะไรกันได้อีก
...ชั่วชีวิต...







【จบ】



จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้ 
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่


『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย! 

หรือ

หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ




ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่

============================
============================


  • มุมคุยกันกับคนเขียน [ ที่คันปากอยากเล่ายิบๆ 

เป็นนิยายสั้นที่ค้างไว้ในก้นกรุไห
แต่งเมื่อนานมาแล้ววววว
จำได้ว่าเคยลงในเล้าเป็ด...แต่น่าจะถูดลบไปแล้วมั้ง 55555

หยิบขึ้นมาอ่าน แล้วนั่งกุมขมับ
ภาษาต้นฉบับคือเหี้ยมาก 5555
นั่งวิจาร์ณงานตัวเองว่า มึงเขียนเหี้ยอัลไร!
อ่านไปงงไป เขียนไม่,uความสละสลวยห่าเหวอะไรเลย
บางประโยคนี่อ่านไม่เข้าใจด้วยซ้ำ
คำผิดก็เยอะเกิน (ตอนนี้ก็น่าจะยังมี 5555)

เลยสูดหายใจ...
มา...ฉันจะรีไรต์แกใหม่แล้วกัน
ก็พยายามรีไรต์เท่าที่ทำได้
พยายามคงความดิบของภาษาที่ไม่สวยไว้
เพราะเรารู้สึกว่าสไตล์การเขียนของเรา เมื่อก่อนมันก็มีเอกลักษณ์ดี

พยายามรื้นฟื้นว่าอารมณ์ตอนเขียนเรื่องนี้มันเป็นยังไง
ก็..ก็บิ้วอารมณ์ได้ แต่ไม่คิดว่าจะฟุ้งเท่าตอนเขียนเริ่มแรก
เพราะตอนนั้นคืออารมณ์สดใหม่น่าดู

เอาเป็นว่าถ้าใครอ่านแล้วชอบผลงานชิ้นนี้
ก็อย่าลืมคอมเม้นท์มาบอกเราด้วยน้าว่าชอบยังไง อิอิ



ความคิดเห็น