Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : เย็นนี้เจ้าอยากกินอะไร?

Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type : Dialogue  Fiction

Topic : เย็นนี้เจ้าอยากกินอะไร

Pair : หลานซือจุย x หลานจิ่งอี๋


คำเตือน 
  • Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
คำชี้แจง

  • Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
  • หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
  • รักนักอ่านทุกท่านคะ




============================
============================






เย็นนี้เจ้าอยากกินอะไร

หลานซือจุย x หลานจิ่งอี๋




Fic เรื่องนี้...
เป็นฟิคที่เข้าร่วมในกิจกรรม MDZSWeekly Challenge
Week #1 'เย็นนี้กินอะไร?'



หลานจิ่งอี๋ชอบกินอาหารมีรสชาติหลากหลาย
เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด รสชาติโอชามากมาย
สามารถทำให้จิ่งอี๋คลายยิ้มบนปากเรียวได้ไม่ยากเย็น 
ในทางกลับกัน...รอยยิ้มแสนน่ารักที่โผล่ขึ้นมาให้ได้เห็น
ไม่มีใครล่วงรู้ว่า มันเป็นอาหารทิพย์ของอาเยวี่ยนด้วยเช่นกัน

ยามซือจุยเห็นจิ่งอี๋คลี่ยิ้มเพราะได้กินของถูกปากนั้น ช่างรู้สึกอิ่มใจ

“อร่อยหรือไม่? จิ่งอี๋”
เสียงทุ้มกล่าวอย่างใจดี
ก่อนจะยกมือใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ เช็ดรอยจางๆบนมุมปากสีสวย
เจ้าของดวงตาโตคมที่ตั้งหน้าตั้งตากินไอศกรีมในถ้วย
พยักหน้าสั่นรัว พร้อมหัวใจที่หลอมระทวยยามรสหวานละลายในปาก อย่างไม่ใยดีผู้ใด
ณ ตอนนี้อะไรจะเกิดขึ้นก็เกิดไป จิ่งอี๋รู้เพียงว่าตนกำลังมีความสุขกับของหวานตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

ดวงตาเรียวคม มองคนที่กลายเป็นเด็กน้อยยามอยู่ต่อหน้าอาหาร
สองมือตวัดช้อนตักเนื้อไอศกรีมแสนหวานทาน อย่างไม่สนโลกหล้า
ลืมสิ้นกริยาท่าทางสำรวมของสกุลหลานที่ได้รับการสั่งสอนมา
สะลัดเปลือก เผยเพียงเด็กคนหนึ่งที่เพลิดเพลินกับของหวานตรงหน้าเท่านั้นเอง

ความบริสุทธิ์ไร้สิ่งใดเจือปนแปดเปื้อน...นี่แหละที่หลานซือจุยคอยเฝ้ามอง

เพชรเม็ดงาม อัณมณีล้ำค่า หาได้ต้องตาไม่
ผ้าทอเนื้อดี บนร่างสตรีเลิศเลอทุกด้านเกินใครแล้วอย่างไรเล่า
คำสอนพระพุทธองค์ทรงดับทุกข์ในใจ ข้าขอไม่ยึดเอา
ณ ลมหายใจนี้ รอยยิ้มตรงหน้าช่างปัดเป่าให้หลานซือจุยคลายอารมณ์ผ่อนหนักเป็นเบาได้อย่างอัศจรรย์
ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง จ้องมองหลานจิ่งอี๋ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้ทานอย่างถลำลึกเหม่อลอย

แค่มองก็รู้สึกชุ่มชื่นหวานนัก
คล้ายร่างกายได้รับลิ้มลองรสชาติที่หลากหลาย
ไม่อาจละสายตาจากใบหน้ามนเปรี่ยมสุขได้ แม้เพียงนิดเดียว

...หากวันหนึ่งโลกล่มสลาย หากอาหารไม่เพียงพอ อาเยวี่ยนขอสละให้จิ่งอี๋ได้กิน เพียงเท่านี้ตนก็รู้สึกอิ่มไปโดยปริยายเช่นกัน...

ใช่ว่าเด็กหนุ่มจากสกุลเวินไม่เคยหาคำตอบว่า ตนเป็นอะไรหรือ
มัวเมา หลงใหล ได้ปลื้ม หรือรัก มันคืออย่างไหน
จนแล้วจนรอด การหานิยามของความรู้สึกนี้ มันช่างยุ่งยากเกินจะเข้าใจ
แต่สิ่งที่ตระหนักรู้คือ เสียงเพรียกจากข้างใน ร่ำร้องต้องการเติมเต็มความรู้สึกนี้ ทุกวันยิ่งดี
อีกทั้ง...

…หลานซือจุยพบว่า ตนเองมีสายตาและความรู้สึกเช่นนี้ ให้แก่จิ่งอี๋เพียงผู้เดียว...

ภาพตรงหน้านี้ช่างทำให้หัวใจในอกชุ่มชื่น มีชีวิตชีวา
ถ้าให้ตั้งชื่อ คงเรียกได้ว่า...รสชาติของหลานจิ่งอี๋ ที่มีอาเยวี่ยนผู้เดียวได้ลิ้มลอง...

ด้วยเหตุนี้...หากปราศจากภาระหน้าที่แสนหนักหน่วง
หากไม่มีเรื่องใหญ่หลวงต้องกระทำอย่างเร่งรี่
หลานซือจุยมักหาเรื่องอาสาทำภารกิจนอกสำนัก ใต้คำบัญชาของหลานวั่งจี
ก่อนจะล่อลวงหลานจิ่งอี๋ออกไปด้วย โดยหวังได้ดื่มด่ำรอยยิ้มบริสุทธิ์ของเจ้ากระต่ายจิ่งอี๋ทุกครา

ด้วยประโยควาจา ที่อาเยวี่ยนมักรู้สึกว่ายามกล่าวไป เหมืนอตนเองกำลังสารภาพรักก็ไม่ปาน
ทั้ง ๆ ที่เป็นประโยคสื่อความธรรมดาว่าจะพาไปหาอะไรทานข้างนอกเท่านั้นเอง
กดทุกความรู้สึกที่รวนเล ก่อนเอ่ยวาจาถามเจ้ากระต่ายขาว ด้วยใบหน้าใจดี

“จิ่งอี๋...เย็นนี้เจ้าอยากกินอะไร?”

เท่านี้... หลานซือจุยก็ได้ดื่มด่ำและเติมเต็มความรู้สึกที่ตนใฝ่หาจากจิ่งอี๋ได้ดังต้องการ

-------------------

( หลานจิ่งอี๋ )

ข้าเกลียดรสชาติอาหารกูซูหลาน
อวิ๋นเซินปูจื้อฉู่ทำให้ลิ้นข้าทรมานหนักหนา
แม้อยู่มาหลายปีก็ไม่เคยชินชา
ยามน้ำแกงขมปร่าจืดคอราดรดลงลี้น ย่อมไม่อาจปิดบังใบหน้าเหยเก

ข้านั้นชอบกินอาหารมีรสชาติหลากหลาย
รสหวานอย่างมันเผา ไอศกรีมเย็น ซาลาเปาไส้ถั่วแดง หมั่นโถวพื้นๆก็ได้
ดีกว่ารสขมขื่นคอของที่นี้เป็นไหนๆเลย ข้าขอสาบาน!
ไม่ว่าจะของเค็มของคาว เผ็ด เปรี้ยว หวาน มัน
อะไรก็ได้ที่ชาวบ้านกินดาษดื่นทั่วกัน ไม่ใช่อาหารวิปลาสของกูซูหลาน ข้าก็ขออุปทานว่าเลิศรสอยู่ดี
ทว่า..ยากนักที่จะหาเวลาว่าง ออกจากสำนักกูซูหลานไปร่อนเร่ตระเวนกิน

หน้าที่แต่ละวันช่างหนักอึ้ง...
สามลี้นับจากประตูสำนัก เดินลงไปก็ถึงหมู่บ้านหนึ่งที่คนพลุ่มพล่าน
แต่ทว่าแค่จะย่างกรายไปเดินเล่นหน้าประตูยังไม่มีเวลา
คัดอักษร ฝึกพลังปราณ ท่องตำรา เลี้ยงกระต่าย แค่นี้ก็แทบจะหมดวัน
อีกทั้งต้องฝึกยุทธ์ ทำหน้าที่ในสำนัก เตรียมออกล่าภูตผี 

แม้อยากใช้เวลาสักเค่อในช่วงเย็น ออกไปเดินเล่นเฉลียบเลียบร้าน...
แล้วสูดดมกลิ่นของอาหารตามตรอกถนนในหมู่บ้าน ก็ไม่มีโอกาสได้ทำ
อีกอย่าง แม้ว่างเว้นใช่ว่าจะออกไปเดินเที่ยวเล่นในช่วงค่ำได้ตามใจ
ไม่มีกิจก็ห้ามไป ต่อให้ออกไปได้ก็ไม่มีเงินใช้อยู่ดี

ชีวิตของข้าคนนี้ กับอาหารรสเลิศดั่งเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกัน

โอ๊ะ!! แต่ช่วงหลังมานี้ชะตาข้าค่อนข้างจะเปลี่ยนผันไปมากโขอยู่น๊า!

หลังๆมา อาเยวี่ยนมักจะช่วยข้าชำระหน้าที่การงานให้แล้วเสร็จ
อีกทั้งมีฐานะเป็นเด็กในอุปถัมภ์หานกวงจวิน ที่วิ่งธุระนอกสำนักบ่อยครั้ง
ด้วยเหตุนี้อาเยวี่ยน มักพาข้าออกไปนอกกูซูหลานเป็นประจำ
แถมเว่ยเฉียนเป้ยยังเอ็นดู ใจป้ำให้เงินมาจับจ่ายได้คล่องมือ

อันที่จริงก็ติดใจอยู่เหมือนกัน
ว่าทำไมช่วงหลังๆ อาเยวี่ยนถึงดูมาเทียวไล่เทียวขือ เวียนวนกับข้าเกินจำเป็นนัก
กิจบางอย่างที่หานกวงจวินสั่งใช่หนักหนา จนต้องมีคนอื่นไปด้วยช่วยดำเนินการเลยนี่นา
อีกอย่าง...สหายร่วมสำนักมีดาษดื่นระรานตา ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ชวนพวกเขาออกไป
เห็นมีกิจได้ออกนอกอวิ๋นเซินปู้จื่อฉู่เมื่อใด มักเป็นข้าเสมอที่ถูกชวน

...เรียกว่าทุกครั้งได้เลยกระมัง...

อีกทั้งถ้าข้าไปด้วย ซือจุยมักเลือกออกเดินทางในช่วงค่ำ
เป็นช่วงที่ร้านรวง และเพิงข้างทางมักจะทำอาหารขายคนจรผ่าน โฉยกลิ่นตลบอบอวล
รวมทั้งชอบชักชวนให้ข้าลองกินนั่นนี่อย่างหรรษา
เหมือนสนุกสนานที่ได้ขุนข้า ด้วยของกินเลิศรสต่างๆนาๆ
แต่แปลกที่สุดคือ จ่ายเงินแล้วชอบนั่งมองหน้าข้ากินนี่แหละ เป็นปริศนาที่น่ากลัว
พอถามว่าไม่กินบางหรือ เจ้าตัวชอบตอบว่า ‘แค่มองเจ้ากินก็อิ่มแล้วล่ะ’ นี่สิ

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเหมือนเด็กอุปถัมภ์ของหานกวงจวิน ช่างแปลกพิสดารมีลับลม

แต่...เอาเถอะ...เอาเป็นว่าคบกับหลานซือจุย ทำให้ข้าไม่ต้องเผชิญกับความขมจืดเป็นมื้อเย็น
ได้ลิ้มรสอาหารนอกกำแพงกูซูหลานเดือยทุกเย็น มันทำให้ข้ามีความสุขเปรมปรีดิ์

ดังนั้นข้ามักจะคอยให้อาเวี่ยนมากระซิบถามประโยคนั้น พร้อมกับใบหน้าและรอยยิ้มแสนใจดี



“จิ่งอี๋...เย็นนี้เจ้าอยากกินอะไร?”


รู้หรือไม่...ข้าได้ยินประโยคนี้ทีไร
หัวใจก็มักจะโครมครามเหมือนถูกบอกรักเลยล่ะ

เหยียบเป็นความลับไว้ล่ะ...อย่าริอาจบอกอาเยวี่ยนเชียว!









【จบ】


จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้ 
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่


『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย! 

หรือ

หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ




ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่

============================
============================


  • มุมคุยกันกับคนเขียน [ ที่คันปากอยากเล่ายิบๆ ]



ʕ◉ᴥ◉ʔ
ทายาทหลงเมียของหานกวงจวิน
ปรากฏตัวแล้ว!!!



อย่างที่บอกไป...
ฟิคเรื่องนี้ เป็นฟิคที่เข้าร่วมกิจกรรม MDZSWeekly
คือทุกๆอาทิตย์ สมาชิกที่จะหมุนวนตั้ง Topic
โดยสมาชิกคนอื่นๆจะต้องนำ Topic นั้นมาแต่งฟิค 1 เรื่อง

ซึ่ง Week #1 ประจำวัน 01/11/2561 - 07/11/2561
Topic คือ 'เย็นนี้กินอะไร?'
ตอนแรกก็แต่งไว้พล็อตเป็น AU แนวดราม่า
แต่คราวนี้ด้วยภารกิจการงาน คือ ติดพัน....
การเขียนฟิค AU มันต้องเล่าเรื่องท้าวความเยอะ

เลยมาจบที่ไดอะล็อคฟิคสไตล์หวานๆเลี่ยนๆเบาสมองนี่แหละ 5555
แถมส่งเลทด้วย โว้ยยยยยยย
หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ T_T

ช่วงนี้วุ่นวายจริงๆ
มรสุมโปรเจ็คและสอบไฟนอลกำลังโหม
เป็นไปได้เราก็จะยึด MDZSWeekly เป็นที่ตั้ง
พยายามอัพอย่างน้อยสัปดาห์ล่ะหนึ่งฟิคแล้วกันเนอะ

ขนาดฟิควันเกิดอาเฉิงที่เขียนไว้ยังไม่มีเวลาต่อเลย ฮรือออออออออ

ความคิดเห็น

  1. คบ......... ทำไมเราโฟกัสตรงนี้........ "แค่ได้คบกับหลานซือจุย"........ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เขียนได้ดีมากๆค่ะ ฟินสุดๆโดยเฉพาะตอนอาจุยเอามือเช็ดปากให้อาอี๋อ่ะ~~~😆😆😆😆

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น