Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : Secret Diary 5/??
Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type : Dialogue Fiction
Date : 23/11/2561
Topic : Secret Diary บันทึกของวั่งจี ถึงเว่ยอิง
Pair : หลานวั่งจี x เว่ยอู๋เซี่ยนChapter 5 : การดูแลปรมาจารย์อี๋หลิงยามเจ็บป่วย ของหานกวงจวิน
คำเตือน
- Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
- Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
- ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
- หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
- รักนักอ่านทุกท่านคะ
============================
============================
Secret Diary บันทึกของวั่งจี ถึงเว่ยอิง
บทที่ 5 : การดูแลปรมาจารย์อี๋หลิงยามเจ็บป่วย ของหานกวงจวิน
**คำเตือน**
ฟิคเรื่องนี้ ราดฟีลเตอร์คนหลงเมียขั้นสุด
กรุณาใช้จักรยานในการอ่าน...
อย่าเอาความจริงอะไรมาก
กับบันทึกลับคนเห่อเมีย 3018
ลงชื่อผู้ประพันธ์ (หลานวั่งจี )
เว่ยอิงชอบรสเผ็ดจัดจ้าน
ยิ่งเผ็ดร้อนที่เผาไหม้ปากคอให้สิ้นซาก ยิ่งชอบทานหนักหนา
ความเผ็ดระดับมหาประลัย ที่ข้าทำได้เงียบปากไว้
แล้วมองดูเว่ยอิงดื่มด่ำกับรสชาติร้ายเหลือสุดพรรณนา
แต่ดูคล้ายว่า..ตอนนี้ความโปรดปรานจะกลายเป็นดาบสองคม
ร่างของโม่เสวียนอวี่ ณ ตอนนี้เข้าสู่เบญจเพสพอดีพอเหมาะ
ต่างกับข้าที่กำลังจะอายุครบสามรอบในปีนี้
น่าแปลกนักที่ร่างกายคนหนุ่มของคุณชายโม่กลับไม่แข็งแรงทานทน
แม้ไม่บอกกล่าวผ่านวาจาข้าก็รู้
ช่วงหลังๆมานี้ ลอบเห็นหลายคราอยู่...ที่เว่ยอิงมองดูอาหารรสจัดจ้านตาละห้อย
ครั้นพอถามว่าจะกินหรือไม่ เจ้าตัวก็สะบัดหน้าเอ่ยปัดล่าถอย
แม้ใจประสงค์ ปากอยากลิ้มลองให้เอร็ดอร่อย
แต่ความเอื้ออำนวยของสุขภาพร่างกายถดถอย เห็นแล้วข้าก็ไม่อาจอดสงสารเวทนา
แรกเริ่มที่หวนคืนในร่างโม่เสวี่ยนอวี่
เว่ยอิงใช้ร่างกายอย่างยินดี ประหนึ่งร่างเดิม ไม่นึกถนอม
กินรสจัด ดื่มสุรา ใช้เรี่ยวแรงหาญเหิน นับวันยิ่งบั่นทอน
ณ ตอนนี้ คือ เจ็บปวดเล็กน้อยรุมเร้าก่อกวนตลอด ไม่เว้นแต่ละวัน
ที่โดดเด่นมากที่สุด คงไม่พ้น กระเพาะของโม่เสวี่ยนอวี เริ่มเปราะบาง
เว่ยอิงไม่สามารถทานรสเผ็ดร้อนจัดจ้านได้ตามใจปากดังเดิมได้อีกต่อไป
นับว่าโชคดีอย่างหนึ่งที่เว่ยอิงรู้จักคิด...
ตระหนักได้ว่ายิ่งทำไปยิ่งไม่ดีต่อชีวิต ก็ไม่ทัดทานทนฝืน
แม้ข้าไม่ต้องออกตัวห้ามปราม ของที่เลือกทานมักเป็นอาหารรสจืด
ไม่ก็พวกผักปลาต้ม ของรสหวาน เค็ม เป็นส่วนมาก ถนอมกระเพาะตัวเอง
อีกทั้งข้าลองตรวจสอบจำนวนไหสุราที่หลบซ่อนไว้ใต้พื้นห้อง
น้ำเมามักพร่องไปทีละครึ่งไห
ท่าทางเว่ยอิงจะเพียงแค่จิบลิ้มรสให้หายอยาก แล้วผละจากไป
ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ดื่มกรอกครั้งละสี่ห้าไหแห้งเหือดขอดก้นภายในพริบตา
เรื่องกระเพาะของโม่เสวี่ยนอวีที่เปราะบางนั้น
พึ่งมาแสดงอาการสาหัส เพราะเรื้อรังสะสม
ดังนั้นเผยอาการที เว่ยอิงมักทรุดนอนซม
คูกายอยู่บนต่าง ไม่ขยับเขยื้อน กัดฟันข่มความเจ็บปวดในช่องท้องยากเกินบรรยาย
หากถามว่า อาการร้ายแรงเพียงไหน ทำเว่ยอิงถึงเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ขนาดนี้
บอกได้เลยว่าร้ายแรง ขนาดที่ข้าหรืออาเยวี่ยนเข้าใกล้ไม่ได้
เวลาเว่ยอิงเจ็บป่วยดังสัตว์ป่าบาดเจ็บสาหัสซ่อนเร้นรักษากาย
ยุ่งไม่ได้ อารมณ์ฉุนเฉียวเหลือร้าย ไม่ไว้ใจใคร
ข้าก็อยากจะดูแลรักษาให้
แต่เพียงเอ่ยถามซักไซร้ น้ำเสียงตวัดห้วนดั่งแส้หนามก็ฟาดผ่าน
“ไปให้พ้น!” “อย่ายุ่งได้ไหม!” “ไปไกลๆ!” “ยุ่งวุ่นวายหน่า!”
ตัดรอนน้ำใจข้า ให้ชอกช้ำดั่งกระต่ายถูกทอดทิ้งไร้คนดูแล
ข้าเสียใจ...
นอกจากอาหารรสจัด และสุราบรรณาการแล้วไซร้
ข้าก็ไม่รู้จะหาอะไรมาทำให้เว่ยอิงพึงพอใจได้ ด้วยความคิดของตนเอง
พอทั้งสองอย่างกลายเป็นของแสลงของเว่ยอิง
ข้าก็เหมือนดังนางสนมถูกทอดทิ้ง ให้เดียวดายหม่นหมอง
ยามเว่ยอิงกำเริบอาการปวดท้อง เสียงเจื้อยแจ้วอารมณ์สดใสก็ดำมืดเทาทะมึนในพริบตา
ความฉุนเฉียวคลืบคลานเข้ามา สร้างความระหองระแหงเคืองใจใส่ข้าทุกครั้งที่มีอาการ
หลังๆมานี้ ข้าพึ่งจับลู่ทางได้
การจะเอาใจเว่ยอิงยามปวดท้อง ต้องใจนิ่งและหนักแน่น ก่อนเข้าหา
เก็บความห่วงใย ไว้ในความคิด เงียบปากไม่ต้องพูดจา
จัดยูกยาอาหารใส่กระจาด ไปวางข้างเคียง
แล้วรีบปลีกตัวออกห่างอย่างเงียบๆ หรือ หาฉากกั้นมาคั่นกลาง ไม่ต้องหืออือใดๆ
ไม่นานนัก เว่ยอิงก็จะกัดฟันลุกขึ้นมาจัดการยัดยูกยาอาหารเข้าปากด้วยตนเอง
เพราะนิสัยของเว่ยอิง... แท้จริงแล้วไม่ชอบพึ่งพาใคร
และสันดานแท้ของมนุษย์เรามักเชิดฉาย ก็ยามที่อ่อนแอ หรือจนมุมขับคัน
เว่ยอิงไม่ชอบเห็นสายตาเป็นห่วงเวทนาตน จากผู้ใดใครอื่นทั้งนั้น
อาจจะเป็นเพราะชีวิตที่พัดผ่านมานั้น เด็ดเดี่ยว ฝ่าฟันด้วยตนเองมาตลอด จนเป็นเรื่องภาคภูมิของตนเองลึกๆในใจ
หากอาการไม่หนักหนา ไม่นานนักเว่ยอิงก็จะหลับ
ช่วงจังหวะนี้แหละที่สามารถเข้าใกล้ประชิดตัวได้
สิ่งที่ข้าได้เห็น คือใบหน้าซีดเสียว มีเหงื่อพราวผุดพราย
ร่างโปร่งนอนงอตัว เข่าชิดอก มือกอดท้องหลับใหลด้วยสีหน้าทรมาน
หากใช้ผ้าชุบน้ำเย็น บิดหมาด เช็ดเนื้อตัวเบาๆ สีหน้าก็จะดีขึ้น
แต่ถ้าอาการหนักหนาเหลือเกิน เว่ยอิงมักหลับใหลได้ยากหนักหนา
บางครั้งก็ได้ยินเสียงครวญครางอู้อี้ ระบายความทรมานออกมา
และมักจบลงด้วยการเข้าสู่นิทรา พร้อมกับน้ำตาคลอไหลริน
ณ วันนี้หานกวงจวินเข้าใจคำกล่าวหนึ่งอย่างลึกซึ้ง
ไร้โรคา คือ ลาภอันประเสริฐ อย่างแท้จริง
เพราะคนที่ทรมานเจียนตาย ไม่ได้มีเพียงคนที่ป่วยไข้...เพียงผู้เดียว
ยิ่งเผ็ดร้อนที่เผาไหม้ปากคอให้สิ้นซาก ยิ่งชอบทานหนักหนา
ความเผ็ดระดับมหาประลัย ที่ข้าทำได้เงียบปากไว้
แล้วมองดูเว่ยอิงดื่มด่ำกับรสชาติร้ายเหลือสุดพรรณนา
แต่ดูคล้ายว่า..ตอนนี้ความโปรดปรานจะกลายเป็นดาบสองคม
ร่างของโม่เสวียนอวี่ ณ ตอนนี้เข้าสู่เบญจเพสพอดีพอเหมาะ
ต่างกับข้าที่กำลังจะอายุครบสามรอบในปีนี้
น่าแปลกนักที่ร่างกายคนหนุ่มของคุณชายโม่กลับไม่แข็งแรงทานทน
แม้ไม่บอกกล่าวผ่านวาจาข้าก็รู้
ช่วงหลังๆมานี้ ลอบเห็นหลายคราอยู่...ที่เว่ยอิงมองดูอาหารรสจัดจ้านตาละห้อย
ครั้นพอถามว่าจะกินหรือไม่ เจ้าตัวก็สะบัดหน้าเอ่ยปัดล่าถอย
แม้ใจประสงค์ ปากอยากลิ้มลองให้เอร็ดอร่อย
แต่ความเอื้ออำนวยของสุขภาพร่างกายถดถอย เห็นแล้วข้าก็ไม่อาจอดสงสารเวทนา
แรกเริ่มที่หวนคืนในร่างโม่เสวี่ยนอวี่
เว่ยอิงใช้ร่างกายอย่างยินดี ประหนึ่งร่างเดิม ไม่นึกถนอม
กินรสจัด ดื่มสุรา ใช้เรี่ยวแรงหาญเหิน นับวันยิ่งบั่นทอน
ณ ตอนนี้ คือ เจ็บปวดเล็กน้อยรุมเร้าก่อกวนตลอด ไม่เว้นแต่ละวัน
ที่โดดเด่นมากที่สุด คงไม่พ้น กระเพาะของโม่เสวี่ยนอวี เริ่มเปราะบาง
เว่ยอิงไม่สามารถทานรสเผ็ดร้อนจัดจ้านได้ตามใจปากดังเดิมได้อีกต่อไป
นับว่าโชคดีอย่างหนึ่งที่เว่ยอิงรู้จักคิด...
ตระหนักได้ว่ายิ่งทำไปยิ่งไม่ดีต่อชีวิต ก็ไม่ทัดทานทนฝืน
แม้ข้าไม่ต้องออกตัวห้ามปราม ของที่เลือกทานมักเป็นอาหารรสจืด
ไม่ก็พวกผักปลาต้ม ของรสหวาน เค็ม เป็นส่วนมาก ถนอมกระเพาะตัวเอง
อีกทั้งข้าลองตรวจสอบจำนวนไหสุราที่หลบซ่อนไว้ใต้พื้นห้อง
น้ำเมามักพร่องไปทีละครึ่งไห
ท่าทางเว่ยอิงจะเพียงแค่จิบลิ้มรสให้หายอยาก แล้วผละจากไป
ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ดื่มกรอกครั้งละสี่ห้าไหแห้งเหือดขอดก้นภายในพริบตา
เรื่องกระเพาะของโม่เสวี่ยนอวีที่เปราะบางนั้น
พึ่งมาแสดงอาการสาหัส เพราะเรื้อรังสะสม
ดังนั้นเผยอาการที เว่ยอิงมักทรุดนอนซม
คูกายอยู่บนต่าง ไม่ขยับเขยื้อน กัดฟันข่มความเจ็บปวดในช่องท้องยากเกินบรรยาย
หากถามว่า อาการร้ายแรงเพียงไหน ทำเว่ยอิงถึงเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ขนาดนี้
บอกได้เลยว่าร้ายแรง ขนาดที่ข้าหรืออาเยวี่ยนเข้าใกล้ไม่ได้
เวลาเว่ยอิงเจ็บป่วยดังสัตว์ป่าบาดเจ็บสาหัสซ่อนเร้นรักษากาย
ยุ่งไม่ได้ อารมณ์ฉุนเฉียวเหลือร้าย ไม่ไว้ใจใคร
ข้าก็อยากจะดูแลรักษาให้
แต่เพียงเอ่ยถามซักไซร้ น้ำเสียงตวัดห้วนดั่งแส้หนามก็ฟาดผ่าน
“ไปให้พ้น!” “อย่ายุ่งได้ไหม!” “ไปไกลๆ!” “ยุ่งวุ่นวายหน่า!”
ตัดรอนน้ำใจข้า ให้ชอกช้ำดั่งกระต่ายถูกทอดทิ้งไร้คนดูแล
ข้าเสียใจ...
นอกจากอาหารรสจัด และสุราบรรณาการแล้วไซร้
ข้าก็ไม่รู้จะหาอะไรมาทำให้เว่ยอิงพึงพอใจได้ ด้วยความคิดของตนเอง
พอทั้งสองอย่างกลายเป็นของแสลงของเว่ยอิง
ข้าก็เหมือนดังนางสนมถูกทอดทิ้ง ให้เดียวดายหม่นหมอง
ยามเว่ยอิงกำเริบอาการปวดท้อง เสียงเจื้อยแจ้วอารมณ์สดใสก็ดำมืดเทาทะมึนในพริบตา
ความฉุนเฉียวคลืบคลานเข้ามา สร้างความระหองระแหงเคืองใจใส่ข้าทุกครั้งที่มีอาการ
หลังๆมานี้ ข้าพึ่งจับลู่ทางได้
การจะเอาใจเว่ยอิงยามปวดท้อง ต้องใจนิ่งและหนักแน่น ก่อนเข้าหา
เก็บความห่วงใย ไว้ในความคิด เงียบปากไม่ต้องพูดจา
จัดยูกยาอาหารใส่กระจาด ไปวางข้างเคียง
แล้วรีบปลีกตัวออกห่างอย่างเงียบๆ หรือ หาฉากกั้นมาคั่นกลาง ไม่ต้องหืออือใดๆ
ไม่นานนัก เว่ยอิงก็จะกัดฟันลุกขึ้นมาจัดการยัดยูกยาอาหารเข้าปากด้วยตนเอง
เพราะนิสัยของเว่ยอิง... แท้จริงแล้วไม่ชอบพึ่งพาใคร
และสันดานแท้ของมนุษย์เรามักเชิดฉาย ก็ยามที่อ่อนแอ หรือจนมุมขับคัน
เว่ยอิงไม่ชอบเห็นสายตาเป็นห่วงเวทนาตน จากผู้ใดใครอื่นทั้งนั้น
อาจจะเป็นเพราะชีวิตที่พัดผ่านมานั้น เด็ดเดี่ยว ฝ่าฟันด้วยตนเองมาตลอด จนเป็นเรื่องภาคภูมิของตนเองลึกๆในใจ
หากอาการไม่หนักหนา ไม่นานนักเว่ยอิงก็จะหลับ
ช่วงจังหวะนี้แหละที่สามารถเข้าใกล้ประชิดตัวได้
สิ่งที่ข้าได้เห็น คือใบหน้าซีดเสียว มีเหงื่อพราวผุดพราย
ร่างโปร่งนอนงอตัว เข่าชิดอก มือกอดท้องหลับใหลด้วยสีหน้าทรมาน
หากใช้ผ้าชุบน้ำเย็น บิดหมาด เช็ดเนื้อตัวเบาๆ สีหน้าก็จะดีขึ้น
แต่ถ้าอาการหนักหนาเหลือเกิน เว่ยอิงมักหลับใหลได้ยากหนักหนา
บางครั้งก็ได้ยินเสียงครวญครางอู้อี้ ระบายความทรมานออกมา
และมักจบลงด้วยการเข้าสู่นิทรา พร้อมกับน้ำตาคลอไหลริน
ณ วันนี้หานกวงจวินเข้าใจคำกล่าวหนึ่งอย่างลึกซึ้ง
ไร้โรคา คือ ลาภอันประเสริฐ อย่างแท้จริง
เพราะคนที่ทรมานเจียนตาย ไม่ได้มีเพียงคนที่ป่วยไข้...เพียงผู้เดียว
นี่แหละ...คือ การดูแลปรมาจารย์อี๋หลิงยามเจ็บป่วย ของหานกวงจวิน
ลงชื่อ... ( หลานวั่งจี )
: Inspiration :
ฉันอยากมีคนดูแลแบบนี้
ตอนปวดท้องเมนส์จัง อิอิ
ฉันอยากมีคนดูแลแบบนี้
ตอนปวดท้องเมนส์จัง อิอิ
สุขสันต์วันลอยกระทง...
ขอจงให้คนอ่านทุกท่านไร้โรคภัยแผ่วพาลนะคะ
(22/01/2561)
【บทที่ 5 - จบ】
โปรดติดตาม ตอนต่อไป
จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่
『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย!
หรือ
หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ
ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่
หลานจ้านมนุษย์หลงเมีย😊
ตอบลบอยากไปช่วยแลดูทั้งคู่เลย
ตอบลบ(พิมพ์ไม่ผิด เพราะเรื่องดูแลปล่อยให้เค้าทำกันไป เราทำแค่แอบดู)
หลานจ้านหลงเมียจุง
ตอบลบหลงเมียสุดเลยนะนี่
ตอบลบเหม็นความรักมากๆ และชอบการบรรยายมากค่ะ555 ตีแตกเรื่องอาการป่วยกับเรื่องนิสัยคนเราได้ดีมากๆ ฮรุม
ตอบลบน้องก็ไม่ชอบให้คนมาสงสารแต่พี่ก็เป้นห่วงมาก แง 😭
ตอบลบยัยน้องป่วยทีเหมือนกระต่ายบาดเจ็บเลย🥺
ตอบลบ