Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : Secret Diary 4/??


Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type :  Dialogue Fiction

Topic : Secret Diary  บันทึกของวั่งจี ถึงเว่ยอิง

Pair : หลานวั่งจี x เว่ยอู๋เซี่ยน
Chapter 4 : บทรักของปรมาจารย์อี๋หลิง และหานกวงจวิน
Rate : NC 18+


คำเตือน 
  • Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
คำชี้แจง

  • Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
  • หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
  • รักนักอ่านทุกท่านคะ

============================
============================






Secret Diary  บันทึกของวั่งจี ถึงเว่ยอิง

บทที่ 4 : บทรักของปรมาจารย์อี๋หลิง และหานกวงจวิน





**คำเตือน**
ฟิคเรื่องนี้ ราดฟีลเตอร์คนหลงเมียขั้นสุด
เขียนเพื่อสนองความต้องการที่อยากฝึกเขียนฉากเรทของผู้แต่ง
มีบทบรรยายที่มีเนื้อหาล่อแหลม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ผู้อ่านที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มิควรเลื่อนลงไป

อนึ่ง ผู้เขียนไม่สันทัดฉากเรทมุมมองของบุคคลที่ 1 เท่าไหร่ 
อาจอ่านแล้วไม่ลื่นไหล ท่านสามารถติชม ผ่านคอมเม้น และเมนชั่นได้นะคะ
อิอิ



เว่ยอิงเป็นคนเก่งในทุกด้าน
...ในทุกด้านจริงๆ...

เป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เป็นผู้ตามที่ส่งเสริมกระทำตามไม่บกพร่อง
โดเด่นทั้งศาสตร์ ศิลป์ ดนตรี วิทยายุทธ์ ไหวพริบปณิภาณมีพร้อม
...ใช่...มีพร้อม...

เรื่องนั้นใครไม่ตาบอดก็ต่างรู้ดี
รู้จนบางทีเกลียดชั่งหมั่นไส้ มากกว่ารักใคร่เทิดทูน

แต่มีความเก่งกาจหนึ่ง...ที่มีข้าเพียงคนที่เดียวที่ล่วงรู้
...ข้าเพียงคนเดียว...

นั่นก็คือ... การบรรเลงบทรักที่ไม่หวือหวา
แต่เติมเต็มมิเบื่อหน่ายคลายคราเลยสักหน
สมกับข้าที่เอ่ยปาก ว่า ทุกวัน คือ ทุกวัน ให้เว่ยอิงหน่ายหน้าจำทน

...ข้าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เคียงคู่เว่ยอิง...

ไม่ได้อ้อนแอ้นอรชร เหนียมอาย ต้องเฝ้าถนอม ไล่เร้นอย่างบรรจงประคับประครอง แบบสตรี
แต่ในทางกลับกัน...
ก็ไม่ได้แข็งกร้าน มุ่งหมายขึ้นนำ ต้องยอมกระทำตาม ระเบิดอารมณ์อย่างชายชาตรีทั่วกัน

...ราวกับเส้นกั้นหยินหยางได้ถูกทำลาย...
เว่ยอิงได้แสดงให้เห็นถึงกึ่งกลางแสนลุ่มลึกอย่างแท้จริง

ยามถึงเวลา...เว่ยอิงจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยความเหนียมอาย
หรือเผยอารมณ์โถมกระหน่ำ แสดงความต้องการทนโท่อย่างน่าละอาย

ทว่า...กลับเริ่มต้นด้วยสายตาวาววับสุกใสอย่างน่าค้นหา
เว่ยอิงไม่ได้ให้ความรู้สึกน่ารัก น่าถนอม ดั่งผืนผ้าทองดงามล้ำค่าด้วยราคา
หรือแข็งทื่อดั่งศาสตราวุธไร้ความประนีประนอม
กาดำของข้าให้ความรู้สึกละมุมละมอมกึ่งกลาง
ให้ความรู้สึกงดงามราวกับอัญมณี มิอาจละถอนสายตา

เริ่มจากข้าไม่อาจละสายตาที่โฉบฉวยแวววาวดังเพชนนิลต้องแสงในความมืดของเว่ยอิงได้
ดังเหยื่อที่ชะงักกายเพราะเห็นดวงตาแพรวพราวแต่แสนปราณีของผู้ล่า จนไม่อาจย่างกรายถอยหนี
ยามเจ้ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น...
ช่างแปลกนัก ข้าเหมือนกับถูกควบคุมให้เป็นผู้นำ 
และถูกชักนำให้เป็นผู้ตามในเวลาเดียวกัน

เราทั้งสองประชิดใกล้อย่างไร้สุมเสียง
มิได้ลูบไล้ต้องกายกัน...
หรือกระชากอาภรณ์เผยเนื้อหนังด้วยความกระสันหื่นกระหาย

ใบหน้าของข้าและเขาค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้ช้าๆ...
เว่ยอิงมักกอบกุมสาบเสื้อของข้าเพื่อควบคุมจังหวะไม่ให้ข้าผลีผลามหรือรั้งรอเกินไป
สายตาเราสองสำรวจกันและกัน ประหนึ่งพบของแปลกใหม่
...ทุกครา...

เพ็งมองเส้นผมดกดำสลวย
หน้าผากนวลที่มีเหงื่อผุดพรายเล็กๆแต้มประดับแพรวพราว
ไล่สายตามองคิ้วที่รับกับกระบอกตา เหนือแก้มนวลขาว
นัยน์ตาโตคมแสนดึงดูด ใต้ม่านแพขนตายาวเรียงสวย ที่ไม่อาจบดบัง
ริมฝีปากที่แย้มออกจากกันเล็กๆ เผยเสียงความร้อนรุ่มที่กำลังก่อตัวแผ่วเบา

ลมหายใจจากจมูกงดงามที่เคลื่อนใกล้มาคลอเคลียใบหน้าข้า
ราดรดราวกับมอบไออุ่นราวกับแสงแดดคิมหันตฤดูให้แก่กันและกัน
โฉบฉวยสัมผัสต้องเนื้อหนังบนใบหน้าแผ่วจาง
ก่อนตาทั้งสองของข้าและเว่ยอิงจะประสานกัน
กลางอกข้าสั่นระรัวดังสนั่น จ้องลึกลงไปในดวงตาของเว่ยอิง
ดำมืด ล้ำลึก น่าค้นหา ดังมหาสมุทรยากแท้หยั่งถึง

ก่อนอารมณ์จะพรั่งพรูสูงขึ้นขึ้นท่วมท้น ราวกับน้ำล้นทะลักถังอย่างรวดเร็ว
โถมกายเข้าหากันทันด้วยแรงดึงดูดที่รุนแรง ราวกับแม่เหล็กที่อ่อนไหว
สองมือของข้ากอดเกี่ยวประครองหน้ามนอย่างขวนขวาย
ส่วนอีกคนคะเย่อขืนดึงข้าเข้าแนบกาย ตวัดแขนโอบล้อมคอและไหล่ของอย่างรู้งาน

เริ่มต้นจูบของข้ากับเว่ยอิง ไม่ใช่เป็นบทรักแสนหวาน
เฉกเช่นเหล่าพระนางในบทประพันธ์กระสันอารมณ์
ที่ผู้หนึ่งเหนียมอายพยายามต้านทาน และอีกผู้หนึ่งพยายามรุกล้ำอย่างดุดัน

ทว่าจูบของข้าและเว่ยอิงนั้น..
เราทั้งสองต่างเหมือนกำลังเติมเต็มให้กันและกันอย่างท้วมท้น
ในขณะเดียวกันก็ระคนไปด้วยความโหยหาเรียกร้องขออีกฝ่ายให้เติมเต็ม
ไม่ได้แยกแยะเจาะจงว่าฝ่ายหนึ่งรุกล้ำ ฝ่ายหนึ่งกล้ำกลืน

บทจูบแสนเนิ่นนาน พร้อมร่างกายที่พลอดไพล่ไกล่เกลี่ย
อาภรณ์ถูกปลดรื้ออย่างไม่ใยดี กอดก่ายราวแบ่งปันความร้อนรุ่มและเย็นเยียบของเนื้อกาย
คล้ายอยากปรับสมดุลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

สติมโนนึกถูกรื้อทลายล่ม
เปิดช่องให้อารมณ์แล่นริ้วดั่งใจหมาย
ข้าผละจากปากที่ดูดดื่ม นิ่มนุ่มเหมือนกำมะหยี่ แล้วซอกไซร้ร่างกายงดงาม
แว่วเสียงเว่ยอิงที่ครางอื้ออึงบอกใบ้ความพึงพอใจ และไม่ต้องการอย่างชี้นำ
ขณะที่เจ้าตัวมักปรือตา ทอดมองรอยแผลอัปยศที่พวกกเฬวรากสกุลเวินกระทำไว้อย่างแผ่วเบา
ไม่นานนัก ข้าก็จะช้อนตัวเว่ยอิงที่เร่งเร้าตะเกียกตะกายเข้ามาในอ้อมกอด
ก่อนขบเม้มซอกคอขาวใต้ม่านผมยาวอย่างหวงแหน 
ส่วนปากเรียวสวยก็จุมพิตรอยแผลราวกับจะพยายามลบเลือนให้มันหายไป

ต้นขาเรียวทั้งสองคร่อมนั่งบนตักข้า เอวสอบถูกข้ารุกรานบีบคั้นด้วยน้ำมือของข้า
ก่อนจะลากผละมือข้างหนึ่งผ่านสะโผกแล้วต้องสัมผัสช่องทางที่ชื้นและขับแน่นอย่างโฉบฉวย
ยามสอดแทรกนิ้วผ่านเข้าไป เรียวขาที่ตั้งค้ำร่างโปร่งไว้ มักไร้เรี่ยวแรง
ข้ารู้ดี จึงตวัดแขนข้างหนึ่งรั้งเอวของคนในอ้อมกอดไว้ รั้งกายยาทรุดให้ไม่ร่วงไหลไปไกลตน

สัมผัสความร้อนผ่าวภายใน คว้านหาจุดพอใจให้เว่ยอิงหลุดเสียงหวาน
ระหว่างนั้น นิ้วเรียวที่เคลื่อนลากบนแผ่นหลังข้า มักหยุดนิ่งแล้วจิกเล็บลงระบายความกระสัน
ยิ่งที่รุกล้ำลึกเข้าไป พยามย่างกรายมากขึ้น เว่ยอิงมักอดกลั้นด้วยการกัดริมฝีปากจนขึ้นห้อเลือด
ดังนั้นภายหลังข้าจึงเรียนรู้ ที่จะมอบจูบดูดดื่มกลืนกินเสียงของเว่ยอิงที่อ่อนระทวย

ก่อนจะเร่งเร้าอารมณ์อย่างสนุกมือ จนกระทั่งได้ยินเสียงครางฮือทนไม่ไหว 
“หล-… หลาน... จ้าน อะ”
ใช่...นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าอยากได้ยิน

ละจากริมฝีปากบาง ปล่อยให้เสียงแหบหวานครางอู้อี้อย่างอิสระ
เลือนไล่ลิ้นผ่านลำคอ แล้วหยุดปากครอบสัมผัสหยอกเย้ากับยอดอกเบาๆ
เติมฟืนเผากองไฟแห่งอารมณ์ให้โหมกระหน่ำกลืนกิน
ก่อนยื้อยกสะโพกมนที่ยินยอมเคลื่อนอย่างว่าง่าย
หยุดทุกการกระทำ แล้วจ้องสายตาเปิดเผยตัวตนภายในอย่างดิ่งลึกลงไปในกันแหละกัน

...หยุดไม่อยู่...ย้อนกลับไม่ได้แล้ว...

เสือกใส่ร่างกายด้วยความเร้าร้อน
พร้อมปลอบประโลมจูบไซร้ทั้วร่าง สัมผัสกันและกันด้วยฝ่ามือแสนเย็นเยียบเพราะเหงื่อมากมาย
ตัวของข้าสัมผัสถึงความดื้อดึงของเจ้ากาดำที่พยายามผลักไส
แต่ในขณะเดียวกันก็ฉุดรั้งข้าให้ตีตื้นเข้าไปข้างใน
มันทำให้ข้าสั่น และครางเสียงต่ำ ด้วยความรู้สึกยากจะคาดเดา

เมื่อร่างโปร่งพยายามยินยอมให้ข้าเข้าไป
จังหวะของเราค่อยๆเริ่มทีละน้อย
แม้ข้าจะชอบเป็นผู้นำเพียงไหน เนื้อแท้ข้าเป็นคนที่แต่ใจเพียงใด
แต่ข้าปรารถนาให้เว่ยอิงเป็นผู้ชี้ทาง

คล้ายการเริ่มบรรเลงขับกล่อม
เริ่มแรกเรียบลื่นชักชวน ก่อนจะเร่งเร้าโหมโรงไม่อาจหยุดยั้ง
เสียงหอบกระเซ้าทำให้ข้าไม่อดกลั้น
โถมกายเป็นผู้ขึ้นนำอย่างโหดร้ายทารุณ
กอบกุมขาเรียวให้ตวัดเกี่ยวพาดร่างข้า

คำรามในลำคอ ก่อนจะกดหน้าท้องแบนเรียบแล้วเค้นคลึง
มองร่างที่งดงามหอบฮัก ขยับตามแรงด้วยความรู้สึกที่อื้ออึง
ฉุดดึงมือเรียวที่กอบกุมจิกไหล่ แล้วผสานมือชื้น
กดลงพื้นตรึงขึงให้รับรู้อารมณ์ซึ่งกันและกัน
ส่วนมืออีกข้างของเว่ยอิงนั้น สัมผัสแท่นเนื้อกระสันของตนอย่างชักพาอารมณ์ให้เคล้าตาม

ไม่นานนัก บางอย่างที่ตีมวนในก็สาดขึ้นมาในท้องและอก
ข้าปลดปลงอารมณ์ พรางสั้นกระตุกสองสามครา
ฟังเสียงหวีดร้องผ่านฟันขาวที่ขบกัดอย่างกลั้นเสียงของเจ้ากาดำอย่างพึงใจ
แล้วค่อยๆโน้มกายลง ผละจากมือเรียวชื้นเปียกแน่นิ่งอย่างหมดแรง
ก่อนสัมผัสเส้นผมที่ปรกหน้านวลด้วยความแผ่วจาง ราวกับลูบไล้อากาศเลยทีเดียว

ปลอบประโลมด้วยจุมพิตเบาๆอย่างตบรางวัล
ก่อนไล้จูบซับน้ำตาเม็ดเล็กที่หลั่งเพราะความสุขสม
ลูบไล้หน้าผากนวลที่ชื้นไปด้วยเหงื่อผุดพราย
แล้วค่อยๆถอนแก่นกายจากช่องทางแสนคับแน่น
ความชื้นแฉะ ทะลักออกมาพร้อมกัน 
ข้าควานหาผ้าแถวนั้นมาปิดเช็ด ชอนไชช่องทาง
บ้าง...ถ้าเว่ยอิงยังไม่ถึงฝั่งปรารถนาก็จะเล้าโลมช่วยเจ้ากาดำ

เว่ยอิงที่ปรับลมหายใจจนเข้าที่เข้าทางมักลุกขึ้นนั่ง
หากไม่พอใจก็เริ่มบทรักอีกครั้ง หากพึ่งพอใจมักจะผละจากไปชำระล้างเนื้อตัวด้วยตนเอง

แม้ไม่หวือหวา หรือหวานช่ำเฉกเช่นเรื่องราวในบทประพันธ์
แต่อิ่มหน่ำทุกวัน อย่างไม่ใคร่เบื่อหน่าย
ไม่ต้องบรรจงประคบประหงมแบบสตรีที่แตกหักได้ง่าย
ถึงกระนั้นก็สะกดใจ รองรับอารมณ์ที่แสนบ้างคลั่งของข้าได้ ด้วยความโอนอ่อนเย้ายวน

รสชาติซาบซ่านเกินใครจะรู้ เอวสอบที่เร่งเร้าบีบรัดเค้นรูดเอารมณ์ข้าอย่างโหยหา
ปากที่ครางแหบหวานเป็นเอกลักษณ์ต้องหู บ้างก็ปรนนิบัติข้าอย่างยอดเยี่ยมเป็นครั้งครา
ความกึ่งกลางอะลุ่มอล่วย ไม่จัดจ้านวิถีใดวิถีหนึ่ง....

ใครเล่าได้ลิ้มลองรู้รสบทรักของปรมาจารย์อี๋หลิง...เท่าหานกวงจวินผู้นี้กัน









...หากเว่ยอิงมาได้อ่านบันทึกบทนี้...

เว่ยอิง :  หลานจ้าน...เนื้อแท้เจ้าวิตถารเขียนของพรรค์นี้
อย่างไร้ความละอายได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
//มองอย่างเอือมๆ เพราะอยู่กินด้วยกันมานาน จึงรู้ว่าโวยวายไปก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี

วั่งจี : ...//ทำหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน แต่อย่างใด










【บทที่ 4 - จบ】
โปรดติดตาม ตอนต่อไป



จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้ 
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่


『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย! 

หรือ

หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ




ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่

============================
============================

ความคิดเห็น

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ16 เมษายน 2562 เวลา 21:12

    ดีงามพระรามแปด

    ตอบลบ
  3. ดีงามมมม บรรยายแล้วเห็นภาพเลยค้าาา😂

    ตอบลบ
  4. หลานจ้านน่ารักมากกกก //นอนกุมใจอย่าสงบ

    ตอบลบ
  5. เร่าร้อน ฟินจร้า

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ18 กรกฎาคม 2562 เวลา 10:15

    เป็นบรรยายที่ภาษาสวยที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยค่ะ มันดีมากๆ ประทับใจ

    ตอบลบ
  7. มโนศาสตร์เป็นเลิศ หาคำมาป้อย้อป้อจิกเมียอย่างดี ขุ่นพรี่คะ คนอ่านไออะรี่ประทับใจยิ่ง

    ตอบลบ
  8. บรรยายจนเห็นภาพ ไอเรานั่งชักดิ้นชักงอ โอ้ยชอบบ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ28 มีนาคม 2563 เวลา 16:52

    น่ารัก♡

    ตอบลบ
  10. ชอบมากกกกก กี้ดดดดดดดดดดดกดดดดดดดกดดดด

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ28 เมษายน 2565 เวลา 01:59

    กาพย์เห่ชมเมียแน่ๆเลยคนนี้ เอะอะดีงาม เอะอะสวย เลิศเลอเหนือใคร เขาทำอะไรก็ถูกใจไปหมด🤭❤️‍🔥❤️‍🔥❤️‍🔥

    ตอบลบ
  12. อยากมีแฟน

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น