Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : เช้าตรู่ที่หลานซือจุยโปรดปราน

Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type : Dialogue  Fiction

Topic : เช้าตรู่ที่หลานซือจุยโปรดปราน

Pair : หลานซือจุย x หลานจิ่งอี๋


คำเตือน 
  • Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
คำชี้แจง

  • Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
  • หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
  • รักนักอ่านทุกท่านคะ


หลานซือจุยโปรดปรานช่วงเวลาเช้าตรู่
เสียงไก่ป่าขันดังก้องหุบเขากูซู ก้องหูร่วมกับวิหคร้องร่อนถลา
ไอเย็นชวนให้สดชื่น กลิ่นน้ำค้างต้องจมูก ผสานกับความอบอุ่นของรุ่งอรุณที่ฉาบเส้นขอบฟ้า
ทัศนียภาพของพันธ์พฤกษาไม่ซ้อนซ้ำกันสักวันเดือน
หลบซ่อนเหนือหุบเขา ปกคลุมใต้เหล่าเมฆหมอกเมฆา
สมกับฉายานาม อวิ๋นเซินปู้ฉื่อจู่

ดวงตาเรียวคมผละจากบานหน้าต่างโล่ง
มู่ลี่สะบัดโบกพลิ้วต้องลมวสันต์ พัดลอบเข้าห้องหับคูหา
แสงแรกของตะวันแตะขอบฟ้า สาดแสงทองแผ่วสะท้อนเข้ามา 
สัมผัสผิวพรรณนวลกระจ่างตา ของผู้ที่หลับใหลอยู่ข้างกาย

หลานซือจุยนอนตะแคง เท้าแขนรองหัว
ดวงตาเรียวคมสร่างนอนมาหนึ่งชั่วยามพร่างพราวสุกไสว
ลอบยกนิ้วเรียวต้องสัมผัสริมฝีปากสีสวยหน้าตน ไม่อาจอดห้ามใจ
แล้วเคลื่อนมือไป สัมผัสแผ่วที่แก้มขาว ก่อนถึงคราวแพขนตาผสานสีดำเงางาม

“งื้อ...”
เสียงเล็กร้องท้วงอย่างรำคาญ
คนที่ซุกตัวนอนตะแคงข้าง กอดเกี่ยวพันธนาการผ้าห่มหนาไว้
ขยับเขยื้อนคล้ายจะตื่น แต่ก็มิใช่
กลับฝังใบหน้าหลับใหลซุกลงหมอนมากกว่าเดิม
หลานซือจุยแต่งเติมรอยยิ้มจนกว้าง พรางหัวเราะเบาๆ

นัยน์ตาฉายแววขี้แกล้งเปลี่ยนทิศ
จ้องมองพรางพินิจเส้นผมดำขลับระที่นอนขาว
ก่อนจะเอื้อมมือไปสางเล่น แอบยกสูดดมเป็นครั้งคราว
โดยเจ้าของไม่รู้เรื่องรู้ราว เปิดปากโต้แย้งโวยวายอันใด

ลำคอระหงส์ จมูกโด่งเล็กๆขึ้นสี มือเรียวทั้งสองข้างกอบกุมกันหลวมๆซุกไว้ใต้คางมน
ดูๆไปก็คล้ายกระต่ายในร่างคนอยู่เหมือนกัน

“จิ่งอี๋”
“อืมมมม”
“จิ่งอี๋ตื่นเถอะ”
“ขอ...อีกแป๊ป...นะ”
เสียงอู้อี้ต่อรองทั้งๆที่ไม่ลืมตา
พร้อมทั้งร่างที่เบียดกระเสียดเข้ามาซุกอกแกร่ง
หลานซือจุยมองคนเกียจคร้าน ยกมือคว้าสาบเสื้อตนคล้ายคนหมดแรง
นัยความที่แท้จริง...ฟังดูอาจเหมือนเขาการกลั่นแกล้ง
แต่นี่คือการที่จิ่งอี๋แสดง ให้เขารู้ว่า ‘อย่าพึ่งลุก นอนต่ออีกหน่อยจะเป็นไร’
ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้ คนตื่นเต็มตาจึงฉวยโฉบฝังจมูกเหนือขมับนวล

เป็นเรื่องราวที่ไม่มีใครรู้
หลายปีที่อยู่ร่วมกัน ณ กูซู หากเขาลุก จิ่งอี๋ก็จะลุกจากหลับใหล
เคยทดลองไม่กล่าวเสียงเรียกปลุก แค่ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคู่งามก็จะลืมตื่น กวาดมองหาเขา ราวกับกลัวจะหายไป
อยู่ด้วยกันเนิ่นนานถึงได้เรียนรู้และเข้าใจ
ว่าหลานจิ่งอี๋ติดกลิ่นไอของเพื่อนร่วมสำนัก ยามหลับใหลต้องสัมผัสได้ เพื่อขับกล่อมตนเข้าสู่นิทรา

ไออุ่นข้างตัวหาย จิ่งอี๋ก็จะตื่น
ไม่มีกลิ่นแผ่วอบอวลติดจมูกทั้งคืน จิ่งอี๋ก็จะหลุดจากหลับใหล
เมื่อวัยเยาว์ มีครั้งหนึ่ง หานกวงจวินเรียกกลางดึก ซือจุยจึงลุกออกไป
พอกลับมาเห็นคนที่ควรยังไม่ตื่นจากหลับใหล ซุกหน้าร้องไห้กับผ้าห่มของตน
คล้าวว่าเขาลาโลก ไม่อาจกลับคืนมาอีกหน หมดสิ้นหนทางได้พบเจอ
ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ... ยังเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้

“จิ่งอี๋ ตื่นเถอะ”
“อือ...”
“ตื่นเร็ว เช้าแล้ว”
เรียกคราวนี้ได้ผล เปลือกตาที่ปิดสนิทเปิดปรือมองมาที่ตน แล้วกะพริบเล็กๆเหมือนกำลังปรับสายตา
หลานซือจุยจึงอาศัยโอกาสลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเร่งเร้าด้วยเหตุผลกิจวัตรต้องจัดการ
“เร็วเข้า ป่านนี่เจ้ากระต่ายแทะดอกไม้ในสวนรองท้องแล้วกระมัง”

“อืม...กระต่าย...”
หลานจิ่งอี๋พลิกตัวนอนหงาย
ยกมือขึ้นเหนือหัว พรางบิดกายอย่างเกียจคร้าน
ค่อยๆปรับสายตา โดยการกวาดมองรอบด้าน พินิจเห็นเป็นห้องที่คุ้นเคย
ก่อนจะเห็นใบหน้าของสหายร่วมสำนักชะโงกมาทอดมอง อยู่เหนือตน

“อย่านอนต่อนะ”
เสียงทุ้มเตือนระคนหยอกล้อ
คนฟังได้ทีก็ทำท่าจะหลับตานอนต่อ
ก่อนจะยกสองแขนเรียวตวัดรอบคอ ดึงคนช่างล้อที่เสียหลักถลาล้มนอนคืน
แต่มีหรือ ที่แรงของจิ่งอี๋จะขัดคืนหลานซือจุยได้
ปลุกปล้ำสนุกสนาน พลัดกันแกล้ง พลัดกันจี้จุดเรียกเสียงหัวเราะกังวานทั่วห้องหับรับเช้าอันสดใส
จิ่งอี๋เหนื่อยหอบ ทอดกายเกยเหนืออกคนปลุก จับข้อมือแกร่งรั้งไม่ให้จี้แกล้งตนไว้
ก่อนเกยคาง เงยมองคนที่อ่อนข้อให้ง่ายดาย ด้วยแววตาสุกใสสร่างจากนิทรา

“ลุกเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”
หลานซือจุยกล่าวพรางลุกขึ้นนั่ง
ทอดมองร่างที่ไถล กองหนุนอยู่เหนือตักตนไม่ไปไหน
อาภรณ์ใส่นอนสีขาวหมิ่นเหม่ เกินห้ามใจ
...นี่เจ้ารู้ตัวบ้างไหม...ว่าเราไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ...หลานจิ่งอี๋...

“อุ้ม”
เสียงหวานกล่าวสั้นๆ
พร้อมรอยยิ้มดั่งตะวัดเฉิดฉาย
แขนเรียวชูขึ้น ล้อมกรอบใบหน้าคมที่ทอดมองอย่างด้วยแววตาเขินอาย
แต่สุดท้ายหลานซือจุย ก็ตวัดแขนรัดเอวคนขี้อ้อนช้อนตัวขึ้นอย่างยินยอม
คนร้องขอรีบตวัดแขนเรียวโอบรอบคอ ก่อนทิ้งตัวปานปราศจากแกนกระดูกให้ร่างสูงประครองลุกยืนไปพร้อมกัน
“เอ้า...ฮึบ!”

สองร่างลุกขึ้นยืนกลางห้อง
คนหนึ่งประครองกอด อีกคนพิงตัวเอนอิงผู้ประครองอย่างออดอ้อน
เท้าของทั้งสองยืนฝังจมลงบนฝูกนอน
หลานซือจุยยกมือลูบใบหน้าที่ถูไถคลอเคลียกับไหล่ตน
ก่อนจะเชยใบหน้ามน เพ่งพิศถนัดตา
คนที่ถูกเชยแหงนคอ ก่อนกวาดยิ้มร่า
แล้วกล่าวคำธรรมดา แต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“อรุณสวัสดิ์ อาเยวี่ยน”

“อรุณสวัสดิ์... จิ่งอี๋”


.
.
.
หลานซือจุยโปรดปรานช่วงเวลาเช้าตรู่ ...ที่มีหลานจิ่งอี๋เคียงคู่
...ขานรับอรุณอย่างรู้ใจ...







【จบ】



จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้ 
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่


『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย! 

หรือ

หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ




ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่

============================
============================


  • มุมคุยกันกับคนเขียน [ ที่คันปากอยากเล่ายิบๆ ]


ʕ◉ᴥ◉ʔ
คนแต่งเมายา เขียนอะไรออกมาก็รู้
.
.
.


นี่ชั้นเขียนอะไรป๊ายยยย
หยิบฟีลเตอร์ละมุนของวั่งเซี่ยน เอามาสวมให้น้อง แบบไม่คีป ไม่แคร์ ครต ออริเล้ยย
นี่ชั้นทำอารายยย
โอ้ยยยย เขินน 😂😂😂😅😅😅
ชั้นควรเขียนอันนี้เป็นวั่งเซี่ยนสิว้อยย

แต่ว่า....แต่ว่า!!!

จะไม่ให้เขียนนังหนูจิ่งอี๋เป็น [ น้องน้อย ] ได้ยังไง !!!!
อ่ะ!!! ปาหลักฐานใส่ ! ความเป็นน้องน้อยเอาดูกันเอง





ความคิดเห็น

  1. รู้สึกสดใสตามเด็กๆ สองคนนี้เลย น้องจิ่งอี๋น่ารักมาก ส่วนน้องซือจุยก็ละมุนมากๆ ไม่รู้ทำไมถึงเอ็นดูสรรพนามที่แทนซือจุยว่า ‘ร่างสูง’ จังเลยค่ะ5555555 คือน้องจุยก็สูงสำหรับน้องจิ่งอะเนอะ (คนนึงที่เป็นร่างสูงได้เพราะอีกคนดันตัวเล็กกว่ามากๆ น่าเอ็นดูจัง ;-;) เป็นเช้าที่ดีมากเลย อ่านแล้วเหมือนได้รับความสดชื่นแต่เช้า ให้ความรู้สึกว่าวันนี้ทั้งวันคงจะเจอแต่อะไรดี ๆ แน่เลยค่ะ :)

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น