Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : สะใภ้...เจ้าโปรดใจเย็น 3/??

Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type : Dialouge Parody

Topic : สะใภ้...เจ้าโปรดใจเย็น

Chapter : 3/??

Pair : หลานวั่งจี x เว่ยอู๋เซี่ยน,
Rate : PG 13+


คำเตือน 
  • Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
คำชี้แจง

  • Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
  • หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
  • รักนักอ่านทุกท่านคะ





============================
============================




สะใภ้...เจ้าโปรดใจเย็น

ตอนที่ 3 สถานที่เอื่อยเฉื่อยอย่างอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่
จะมีสีสันได้ก็เพราะเจ้าแล้ว... น้องสะใภ้ 





หลานฉี่เหรินทอดมองสิ่งตรงหน้าด้วยสายตาแปลกประหลาด ภาพสำรับอาหารเช้านี้ช่างแตกต่างจากทุกวัน ครั้นส่งสายตามองบ่าวไพร่หวังไตร่ถามของสงสัย เหล่าข้ารับใช้ที่ทำงานในครัว ที่กำลังจัดแจงยกอาหารต่างๆนั้น ต่างพากันรีบสะบัดหน้าหนีเป็นทิวแถว ไม่มองสบดวงตาของท่านอาวุโสสกุลหลานแม้แต่น้อย ทั้งหมดต่างพร้อมใจกันเลี่ยงหลบเดินหลีกหนี ยิ่งทำให้หลานฉี่เหรินรู้สึกมีลางอะไรบางอย่าง แผ้วพาลเข้ามารบกวนในจิตใจ คล้ายเรื่องดีก็ไม่ใช่ เรื่องร้ายก็ไม่เชิง

“อรุณสวัสดิ์ ท่านอา”หลานชายคนโตผู้กลายเป็นประมุขแห่งกูซูคนปัจจุบัน ค้อมประสานมือคำนับ ก่อนจะเผยใบหน้าแย้มยิ้มเป็นนิจ อดีตประมุขสกุลหลานเพียงพยักหน้ารับ ก่อนลูบเคราใคร่สงสัยกับกับข้าวกับปลาที่แตกต่างออกไป พร้อมๆกับหลานซีเฉินที่ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าโต๊ะสำรับของตนเอง อย่างแปลกใจไม่แพ้กัน “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่าขอรับท่านอา เหตุไฉนอาหารเช้านี้ช่างแตกต่างจากทุกวัน น่าทานเหลือเกิน”

อดีตประมุขเพียงแต่ลูบเครากระแอ่มเบาๆ ก่อนเหลือบมองเหล่าผู้เฒ่าแห่งกูซูทยอยสาวเท้าเข้าประจำโต๊ะสำรับตน แล้วจะกะซิบกล่าวตักเตือนเสียงเบา “ซีเฉิน อาหารนั้นทานเพื่อประทังชีวิต อย่าติดใจรสกลิ่นให้มากนัก เจ้าเป็นประมุขแล้ว ต้องประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง”

“ทราบขอรับ แต่ท่านลุงไม่คิดเลยหรือว่าอาหารเหล่านี้ช่างใคร่น่าทาน ก็เหมือไม้งามผลิบานได้โดยมีผู้ดูแลฝีมือดีเฝ้าประคบประหงมจนงอกเงย ไม่ว่าใครกันเป็นผู้รังสรรค์สำรับเช้านี้เขาคงตั้งใจทำเต็มที่แน่ๆ การกล่าวชมก็ถือว่าเป็นการให้กำลังที่ดีแก่ผู้ปรุงมันนะขอรับ”คำพูดของหลานซีเฉิน มีหรือฉี่เหรินจะไม่เข้าใจ ผู้เฒ่าแทบจะผงกหัวเห็นด้วยกับหลานชายคนโต แต่ทว่าเหล่าคนอาวุโสแห่งกูซูเริ่มนั่งหน้าสำรับของตนจวนจะครบทุกคน แล้วทำให้ฉี่เหรินรีบสำรวมกาย

มื้อเช้าแห่งกูซูสำหรับคนสกุลหลาน(ไม่นับศิษย์) มักจะทานพร้อมหน้าหากมีโอกาส หากไม่ติดขัดกิจอันใด เฉกเช่นวันนี้ที่ไม่มีผู้ใดออกไปเย่เลี่ยตอนกลางคืนก็สมควรอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ดวงตาดุขึงขังเหลือบมองสองเด็กหนุ่มที่สกุลหลานรับอุปการะ เดินเข้ามาด้วยท่าทีพยายามฝืนความงัวเงียเต็มกลืน ก่อนจะตามมาด้วยการปรากฏตัวของหลานชายคนเล็ก ที่ปั้นใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตานั้นขุ่นเคือง ดุดันอย่างน่าประหลาด

ทั้งสามทิ้งตัวลงนั่งหน้าสำรับของตน เมื่อใคร่กวาดมองความโกลาหลที่ค่อยๆจางหายไป  พร้อมกับโต๊ะทั้งหมดค่อยๆถูกเติม จนกระทั่งไม่มีผู้ใดก้าวเดินหาโต๊ะของตนอีกต่อไป หลานซีเฉินกวาดมองผู้หลักผู้ใหญ่และพี่น้องในสกุลของตนเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง แต่กระนั้นก็อดเพ่งมอง โต๊ะสำรับข้างน้องชายที่ไม่มีใครมานั่งอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วเลิกคิ้วเล็กๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ที่สามารถเข้าร่วมรับประทานอาหารที่นี่ได้นอกจากคนที่ใช้แซ่หลานแล้ว ยังมีผู้มีเกียรติอีก คนที่หลานซีเฉินเป็นผู้ออกปากยินยอมเรียนเชิญให้มาร่วมด้วย นั่นก็คือ คุณชายเว่ยอู๋เซี่ยน ที่หลานวั่งจีประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ปราถนาจะใช้ชีวิตร่วมกันเฉกเช่น ‘คนรัก’ จนแก่เฒ่าเฒ่าเคียงคู่กัน ทำให้หลานซีเฉินเรียนเชิญมาร่วมทานอาหารเช้าในสกุล โดยกล่าวว่าหาก ‘น้องสะใภ้’ สะดวกที่จะเข้าร่วมสำรับจะถูกจัดไว้ หากไม่สะดวกหลานวั่งจีจะเป็นผู้บอกบ่าวไพร่ไม่ต้องจัดสำรับ

แต่ทว่าวันนี้ช่างน่าแปลกนัก ที่สำรับถูกตั้งรวมทั้งหลานวั่งจีมาถึงเป็นรายสุดท้าย แต่ไฉนไม่มีการปรากฏกายของผู้กุมหัวใจของน้องชายตามมาด้วยเล่า

“น้องชายข้า คุณชายเว่ยเล่า?”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม ด้วยผู้ฟังจะห่างไกลไม่ถึงวา ซีเฉินจึงเลือกใช้น้ำเสียงธรรมดา มิได้โก่งคอตะโกนถามเสียงดัง แต่ทว่ากลับเรียกสายตาจากเหล่าผู้คนมิอาจซ่อนงำความสนใจ หุบปากสดับฟังร่วมกันในครั้งเดียว ทำให้คำไตร่ถามของประมุขหนุ่มที่ควรได้ยินเพียงสองพี่น้อง เกิดการกังวานก้องเข้าหูได้ยินโดยทั่วกัน

ท่ามกลางความเงียบงันกดดัน ราวกับถูกอาวุธแหลมจ่อหลังให้ก้าวเดินบนสะพานไม้ ปลายทางคือห้วงน้ำเวิ้งว้าง หลานวั่งจีได้แต่ก้มใบหน้าคมค้อมลงมองมือทั้งสองของตนอย่างไม่หลุดปากเอ่ยคำใด

เมื่อคำถามไม่ถูกตอบ พร้อมสำรับที่จัดวางข้างกายของคุณชายรองสกุลหลาน ไร้การปรากฏกายของเจ้าของนั้นไม่มีผู้ใดแถลงไข ว่าเหตุไฉนเว่ยอู๋เซี่ยนถึงยังไม่มา ก่อให้เกิดม่านกำแพงสายตานินทาว่าร้ายผุดพราย กระจายอบอวลไม่น่าอภิรมย์ ดังควันธูปที่ลอยอ่อยอิงแผ่วจาง ปะปนไปกับมวลอากาศอย่างเงียบงัน เนื้อความแง่ร้ายท่วมทะลักล้นคอจนเหมือนจมนทีเน่าเฟะแห่งอัตตาของคน คำพูดมืดหม่นแผ่ขยายคละคลุ้งจนเต็มห้องอาหารยามเช้าอย่างรวดเร็ว

‘เฮ้ยๆ เจ้าวิปลาสต้วนซิวนั่นตื่นสายหรือ’

‘หานกวงจวินแผ่รังสีทะมึนขนาดนี้ เจ้านั่นคงปรนบัติเอาใจไม่ดีจนถูกหยกรองตะเพิดออกจากกูซูแล้วกระมั่ง อยู่ไปก็เป็นบ่อนทำลายความดีงามของที่นี่เปล่าๆ’

‘เก็บหินสโครกมาดูแลดั่งเพชร มันก็หาใช่จะกลายเป็นเพรช ใกล้ถึงเวลาแล้วสิหนา...ที่ฟ้าเบื่องบนจะเบิกตามืดบอดของหลานวั่งจีให้เห็นอะไรถูกต้องตามจริง’

‘เห๊อะ สันดานมาร กับวิถีเซียน มันคนละสายกันโว้ย แม้ถูกยกย่องเป็นปรมาจารย์เชี่ยวชาญภูตผี ก็ย่อมพ่ายไม่อาจทำตามหลักธรรมสุขาวดีอยู่วันยังค่ำ’

‘เว่ยอู๋เซี่ยนมันก็เก่งแต่ปากสินะ ยอกย้อนซ่อนอำพรางไม่กี่น้ำ สันดานเกียจคร้านไม่เอาความก็เผยออกให้ได้เห็นอย่างที่คิดไว้เชียว’

‘หลานวั่งจีเอ่ย ปล่อยให้เขาไปจากกูซูเถอะ เว่ยอู๋เซี่ยนมิใช่พวกเดียวกันกับเรา ไม่สามารถขัดเกลาดัดแปลงแปรเปลี่ยนความคิดให้เป็นเช่นเดียวกับคนสกุลหลานได้ และไม่มีวัน ปรมาจารย์อี๋หลิงคนนั้นไม่ว่าร่างใดก็มีวิสัยภายในผิดแผกแปลกไปจากพวกเรา’



…และอีกมากมายหลายนทีแห่งเหตุผล ไหลวนตกหล่นเป็นตะกรอน
หลอมรวมเป็นก้อนอคติความคิดในจิตใจ...

...คนสกุลหลานนั้นไซร้ มิอาจเห็นเว่ยอิง เป็นพวกเดียวกัน....



ครั้งหนึ่งเคยล่มสกุลเวินเฉิดฉายดั่งตะวันให้ดับมอด
ครั้งหนึ่งเคยล่มสกุลเวินที่แข็งกร้าวมาตลอดให้เลือนหาย
ครั้งหนึ่งเคยไม่อาจคุมสติพลังตน ทำร้ายคนไปมากมาย
ครั้งหนึ่งเคยต้องใช้กำลังพลมากมาย ล้อมล่วนจั้งกั่ง.... เพื่อพิชิตอี๋หลิงเหลาจู่
ใครเล่า...มันจะไปเอ็นดู เคารพ รักใคร่ จอมมารเช่นมัน!



เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังแซ่ซ้องระคนปนกันอย่างกับนกกา ทำให้เหลานฉี่เหรินกระแอ่มเบาๆหนึ่งที ได้ผลชะงัก..ความเงียบค่อยๆร่วงโรยลงมาทันที คลายฝนละอองชำระม่านหมอกและไฟโหมแห่งคำนิทาว่าร้ายผู้ไม่อยู่ ให้มอดดับฉับพลัน พร้อมสายตาทุกครู่กรูมองมาทางอดีตประมุขหลานอย่างพร้อมเพรียง

ประมุขหลานคนปัจจุบันเมื่อเห็นว่าเหล่าฝูงชนเงียบเสียง จึงรีบพุ่งเบี่ยงประเด็นทันที กวาดสายตาช้าๆ พร้อมตวัดวาดรอยยิ้มดั่งพระพุทธองค์บนใบหน้า แต่ทว่ารอบกายหยกยืนหนึ่งแห่งกูซู กลับแผ่บรรยากาศส่งสายไอเย็นเยียบ หมายเรียกความสำเหนียกให้เหล่าคนที่ยังทำตัวดั่งเหลือบไร ยุ่งวุ่นวายเรื่องคนอื่นเป็นประเด็นบันเทิงเริงรมย์ ให้สงบเสงี่ยมลงด้วยความหวาดผวาทันที ก่อนที่หลานซีเฉินจะเปิดปากกล่าวจีเป็นสัญญาณเริ่มมื้อเช้าให้ดำเนินไป“เมื่อทุกท่านมาครบแล้ว ก็เชิญทานกันเถอะ”

สิ้นคำเสียงหยิบตะเกียบยกชามข้าวก็ดังขึ้นฉับพลัน แต่ทว่าหลังจากหลานซีเฉินกล่าววาจาเริ่มมื้อเช้าได้ไม่นาน...วัดเวลาได้เพียงสองลมหายใจ ร่างของคนที่เป็นประเด็นเมื่อครู่ ก็เผยตนปรากฏกายทอดน่องเดินเข้ามาในโถงทานอาหาร ประจักษ์แก่สายตาชาวกูซูหลานที่กำลังจะยัดข้าวเข้าปาก ยกถ้วยชามซดซุปแกงให้ตะลึงพรึงเพริดทันที!

เมื่อสิ่งที่ทุกคนเห็น คือเจ้าตัวดีกำลังถือกระจาดขนมหวาน โชยไอกรุ่นร้อนอุ่นคล้ายพึ่งยกพ้นจากเตาไฟไม่นาน ในสภาพผมเผ้ามัดมวยเก็บไม่ให้เกะกะ ดูทะมัดทะแมง อีกทั้งปริศนาว่าด้วยผ้ากันเปื้อนผูกเอวเปรอะรอยน้ำแกง ดูทรงแล้วคล้ายเถ้าแก่ร้านอาหารผู้ขันแข็งเป็นนิจดำเนินกิจการมาเนิ่นนาน... อีกทั้งเหงื่อไคลที่ผุดเผยเม็ดเล็กๆชะโลมใบหน้าสะคราญ สะท้อนแสงแดดยามเช้า...

...ราวกับว่าปรมาจารย์อี๋หลิง พึ่งระเหจเสร็จภารกิจสำแดงฤทธิ์คุมโรงครัวที่ไหนซักที่เลยทีเดียวเชียว!!!...

ความคิดอุปโลกน์ในใจของหลานซีเฉิน พร้อมรอยยิ้มแสยะด้วยเล่ห์กล ภายใต้แขนเสื้อปักดิ้นลายเมฆาครามยกขึ้นปิดบังเกิดขึ้นฉับพลัน ประมุขหลานคนปัจจุบันกำลังอดกลั้นฝืนทนเสียงหัวเราะขำขัน สั่นระริกด้วยความต้องการรีบพบกับความสนุก ที่กำลังจะโหมโรงให้ได้ดู



...สถานที่เอื่อยเฉื่อยอย่างอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ จะมีสีสันได้ก็เพราะเจ้าแล้ว...

...น้องสะใภ้...






ช่วง...พี่ซีขอรีเควส








【ตอนที่ 3 - จบ】
โปรดติดตาม ตอนต่อไป



จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้ 
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่


『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย! 

หรือ

หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ




ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่

============================
============================


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น