Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : มหรสพ ความวุ่นวายแห่งสกุลเจียง 2/??
Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type : Parody Fiction
Topic : มหรสพ ความวุ่นวายแห่งสกุลเจียง
Chapter : 2/??
คำเตือน
- Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
- Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
- ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
- หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
- รักนักอ่านทุกท่านคะ
============================
============================
มหรสพ ความวุ่นวายแห่งสกุลเจียง
ตอนที่ 2 : คุณชายสี่สกุลเจียงหายตัวไป!!
เหนือน่านฟ้าเหลียนฮวาอู้วันนี้ช่างแปลกประหลาด ศิษย์สำนักอวิ๋นเมิงทะยานล่องบนกระบี่ให้ขวักไขว่ตั้งแต่เช้าตรู่
ท่ามกลางสายตามากมายของชาวบ้านเหนือท่าเรือสัตตบงกชต่างใคร่อยากรู้
บางก็ชี้ชวนมองดูตั้งกลุ่มสนทนาอย่างออกรสเมามันส์
‘เฮ้ย เจ้ารู้หรือไม่
ไยประมุขเจียงสั่งศิษย์ให้ลาดตระเวนกันให้ทั่วเยี่ยงนี้’ เถ้าแก่ร้านน้ำชาหัวขาวโพลนทอดตามองขึ้นฟ้า
นอกชายคาร้านแล้วกล่าวคำถามลอยๆ ก่อนจะเดินหงกเหงินประครองถาดน้ำชา มาวางลงบนโต๊ะกลมตรงหน้าร้าน
ที่มีชายสามคนนั่งล้อมวง ทอดมองฟ้าเบื้องบนขวักไขว่ด้วยเหล่าศิษย์สำนักเซียน อย่างสงสัยไม่แพ้กัน
‘สงสัยมีผู้รุกราน หรือผีร้ายไม่ชอบมาพากลอาละวาดกระมั้ง’
ชายวัยกลางคนร่างท่วมผู้สวมงอบเอ่ยขึ้น
ก่อนยกมือคว้าเอาน้ำชาจากถาดของเถ้าแก่มาวางบนกลางโต๊ะ ในขณะที่ชายแก่ร่างผอมกรัง
หนวดยาวสีขาวโพลนจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนแสดงความเห็นคัดค้านประเด็นกับเกลอร่วมโต๊ะน้ำชา
‘เจ้าคาดเดานั่นก็น่าใช่ แต่ว่า! ช่วงนี้มิเห็นไม่วี่แววชาวบ้านละแวกใดโดนรังควาญหนักหนา
ล่าสุดก็เมื่อสามวันก่อน ที่บ้านสกุลโหยวมีนอนหลับไหลตายปริศนาสองศพ
เห็นว่าสำรวจแล้วเป็นเพราะโรคจากตัวเรือดเท่านั้น มิมีภูติผีมารร้ายอะไรยุ่งเกี่ยว’
‘เฮ้ยๆ เรื่องพวกนั้นมันหาใช่ต้นเหตุไม่นะสหาย มานี่มะ
เงี่ยหูมาข้าจะกระซิบบอกความจริงให้!’ ชายหนุ่มที่ดูรูปร่างหน้าตาหมดจดที่สุดในวงสนทนา
กล่าวอย่าอมพะนำเจ้าเล่ห์
เรียกสายทั้งสามคู่สะบัดมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้ฉับพลัน จนแม้กระทั่งเถ้าแก่ร้านผู้กำลังจะเดินจากไปนั้น
ก้าวเท้ากระโดกกระเดกมาร่วมวงดังเดิม พร้อมกล่าวเสริมเร่งเร้าให้เล่าความ ‘ไอหยา~ ไหนๆ มีอันใด เจ้ารู้อะไรรีบบอกมาเร็วๆ’
‘ฟังแล้วพวกเจ้าเหยียบไว้ให้มิดเลยนะ
ข้าแอบฟังพวกศิษย์อวิ๋นเมิงเจียงคุยกันมา แล้วได้ความว่า...’
ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อค้าขายผ้าทอหรี่ตา กวาดตามองเพื่อน พรางยืดเสียงคำสุดท้ายคล้ายหมายชูโรง
แต่ทว่าชายร่างผอมกรังกลับหาได้อดทน ตบเข่าจนเสียงดังฉาด อย่างรำคาญน้ำเสียงไม่ชอบมาพากลของเพื่อน
และออกปากเร่งกระสันให้กาคาบข่าวคายความเร็วๆ ‘ปัดโธ่เว้ย!
ว่าอย่างไรอย่ารำรี่รำไรได้ไหม!’
‘เออ! ใจร้อนจริงนะเจ้าน่ะ! ข้ากำลังจะบอกอยู่นี่ไง ว่า... คุณชายสี่ เว่ยอู๋เซี่ยน
ลูกบุญธรรมของประมุขเจียงหายตัวไปน่ะสิ!’สิ้นคำบรรยายหมายเหตุข่าวความจริง
ดวงตาของชายแก่ทั้งสามในวงสนทนาที่เงี่ยฟังต่างเบิกโพล่งแล้วมองนานกันพัลวัน
ไม่นานเกินกว่านั้นเสียงจอแจราวนกกระจอกแตกรังชิงกันพูดของวงสนทนาน้ำชาร้อนของชายสี่คนก็โฉงเฉงทันใด
‘ห๊า คุณชายน้อยเว่ยหายตัวไป! คุณชายหน้าตาน่ารักที่มาซื้อหมั่นโถวร้านข้าเมื่อวานน่ะหรือ’
‘ใช่น่ะซี๊ อายุพึ่งย่างสิบสาม
แต่เห็นว่าเก่งกาจเย่เลี่ยมิเคยพลาด จนได้ตำแหน่งเป็นศิษย์เอกเมื่อไม่นานมานี่’
‘ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่าประมุขเจียงรักยิ่งกว่าลูกในไส้อีกน๊า
เพราะเหตุนี้ละมั้ง วันนี้สำนักอวิ๋นเมิงถึงดูตรึงเครียด’
‘ไม่ใช่เพียงเท่านั้นๆ ที่ประมุขเจียงสั่งให้ลาดตระเวนตามหาคุณชายน้อยอย่างเอริกขนาดนี้
เพราะว่ามันไม่ใช่การหายตัวไปธรรมดาๆน่ะสิ’
‘หมายความว่าอย่างไร อริศัตรูมันมาลักไปรึ
เป็นคนของสำนักไหนกัน!?’
‘หึๆๆ หากเป็นคนลักพาไปคงไม่ยุ่งยากกันเท่าใด
แต่เห็นเหมือนจะหายไปเทพลักพาเนี่ยน่ะสิ ถึงได้วุ่นวาย’
------------------------------
ปัง!!!
“เจ้าบ้านั่น! หายหัวไปไหนกันนะ!”เสียงคำรามจากในลำคอ พร้อมกำปั้นของคุณชายน้อยสกุลเจียงทุบลงกำแพงห้องจนดังสนั่นอย่างรุนแรง
ดวงตาของเจียงเฉิงวาววับอย่างหงุดหงิดใจ โดยมีนัยน์ตางดงามของบุตรสาวคนโตสกุลเจียง
ทอดมองแผ่นหลังของน้องชายยืนระบายความโกรธ อย่างรับรู้อารมณ์ร่วมด้วยความเข้าอกเข้าใจ
หญิงสาวผู้งดงามละสายตาจากคุณชายห้าผู้เกรี้ยวกราด ก่อนลากผ่านห้องของ‘น้องชายบุญธรรม’ที่ไร้ร่องรอยใช้งานตั้งแต่คืนวานอย่างเศร้าสร้อย
ตวัดตางามลงทอดมองที่นอนว่างเปล่า บนตั่งที่ตนนั่งเกยอยู่อย่างใจหาย
มือเรียวงดงามของเจียงเหยียนลี่ตวัดลูบสัมผัส ณ ตำแหน่งที่คุณชายสี่สกุลเจียง
ล้มตัวลงนอนมานานกว่าสี่ปี ไม่มีเลย...ไออุ่นของวิหคน้อยผู้เริงร่าถวิลหาความอิสระให้เธอแย้มยิ้มเช่นทุกวัน
ตั้งแต่พลบค่ำเมื่อวาน สำนำเซียนประจำท่าสัตตบงกชโกลาหลวุ่นวาย
หนุ่มน้อยผู้เป็นที่รักใคร่ของเหล่าศิษย์พี่น้องหายตัวไปไม่กลับบ้าน
แรกเริ่มเดิมทีท่านพ่อออกคำสั่งให้ตามหาเป็นกลุ่มลาดตระเวนเพียงสิบคน
เนื่องจากเรื่องแบบนี้หาใช่ครั้งแรก... เว่ยอู๋เซี่ยน ศิษย์น้องผู้นี้รักอิสระเสรี
การกลับจวนช้าล่วงเวลาย่อมเคยเกิด
แต่ทว่า...ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะหลับนอนนอกจวนโดยไม่บอกกล่าว
...อย่างน้อยก็ต้องส่งข่าวมาบอกคนในบ้าน ให้รับรู้รับทราบว่าไปตามหาตัวได้ที่ไหน...แต่ครานี้ช่างต่างออกไป...ไม่มีแม้แต่ใครรู้เห็นเลยว่าอาเซี่ยนหายไปไหนกันแน่...
“อาเซี่ยน... จะปลอดภัยดีรึเปล่านะ”
“หึ... คงนอนร้องไห้บนต้นไม้ที่ไหนสักแห่ง ไม่กล้าลงมาเพราะมีหมาล้อมรอบอยู่ล่ะมั้งขอรับ
หายหัวไม่ส่งข่าวขนาดนี้”เด็กหนุ่มสะบัดหน้ามองพี่สาวพรางกระแทกตัวลงนั่งข้างโต๊ะน้ำชาตรงข้าม
ดวงตาฉุนเฉียวตวัดกราดมองพื้นพรางหายใจฮึดฮัดคล้ายกระทิงคลั่ง
มือข้างหนึ่งกำหมัดแน่นอย่างสกัดกั้นอารมณ์ “ทำคนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด
กลับมาจะโยนเข้าดงหมาเสียให้เข็ด!”
“อาเฉิง ใจเย็นก่อนเถอะ”พี่สาวกล่าวเสียงอ่อน ก่อนลุกขึ้นออกเกินไปกุมมือน้องชาย เจียงเฉิงพยายามสะบัดหน้าหนีหลบตาเต็มเปรี่ยมด้วยโทสะไปทางอื่น
ไม่อาจมองเหยี่ยนลี่ผู้ใจดี
ในขณะที่ผู้ปลอบประโลมคว้าศีรษะน้องชายมาโอบกอดอย่างบรรเทาความรู้สึกด้วยไออุ่นอ่อนโยน
กลิ่นหอมจางๆพร้อมนิ้วเรียวลูบสางเส้นผม อย่างใคร่หวังลดความขุ่นเคือง
ทำให้เด็กหนุ่มลับตาลงก่อนตระหนักถึงหัวใจตนเอง
...ไม่ได้โกรธเพราะเกลียดชัง...แต่โกรธเคืองเพราะเป็นห่วงมาก...จนเจ็บปวดใจที่หายไปข้ามคืนขนาดนี้...
ภาพพี่น้องประครองกอดเยียวยาความรู้สึกในใจ อยู่ในสายตาของผู้มาใหม่ ประมุขเจียงหยุดฝีเท้าไม่ก้าวเข้าข้ามผ่านธรณีประตูห้องของลูกบุญธรรม
เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องตรงหน้าตกใจ
แต่ทว่าความตั้งใจที่จะเดินจากมาอย่างเงียบงัน กลับถูกขัดด้วยศิษย์ในสำนักคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆหน้าตั้งเข้ามาคารวะเพื่อบอกข่าวคราว
“คารวะ ท่านประมุข”
“ท่านพ่อ!”สองพี่น้องผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียง
พลันหันออกมานอกประตูก็พบกับร่างสูงสง่าของเจียงเฟิงเหมียนรับคารวะจากศิษย์ผู้นั้นอยู่
สองพี่น้องทายาทสกุลเจียงเดินออกมาจากห้องของเว่ยอู๋เซี่ยน หมายจะทำความเคารพ แต่ทว่าฝีเท้าต้องหยุดชะงัก
พร้อมกับดวงหน้าคมของผู้เป็นบิดาขึงขังไปถนัดตา เมื่อศิษย์คนนั้นกล่าววาจารายงาน
“เรียนท่านประมุข พวกเราลงไปสำรวจที่ตลาดกลางเมืองฝั่งตะวันออก
มีชาวบ้านบอกว่าพบเห็นคุณชายเว่ยออกจากโรงเตี๊ยมด้วยสภาพเมามาย
ไปทางสุสานป่าไผ่ เมื่อวานตอนย่ำพลบค่ำขอรับ”
“เห๊อะ เจ้านั่นคงเมาหลับอยู่ในกอไผ่ที่ไหนสักที่แน่ๆ”เจียงเฉิงกล่าวประชดด้วยความใจชื้น
ผิดกับเหยียนลี่ที่ยกมือปิดปากน้ำตาคลอเบ้าอย่างดีใจ ส่วนประมุขเจียงกลับแสดงสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดมากขึ้นเมื่อได้ยินข่าวสารจากปากผู้ใต้บังคับบัญชา
...ออกจากโรงเตี๊ยมด้วยสภาพเมามาย...สุสานป่าไผ่...เมื่อวานตอนย่ำพลบค่ำ...
หากเป็นจริงดังคำให้การ อาเซี่ยนควรจะกลับถึงจวนตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว...
เด็กคนนั้นต่อให้เมาแค่ไหนใช่ว่าจะเป็นพวกรู้ทางไป หลงทางกลับ
อีกอย่างอาเซี่ยนชำนาญทางสุสานป่าไผ่ แม้จะดูน่ากลัวแต่แท้จริงแล้วเส้นทางนั้นไม่มีอะไรอันตราย
สัตว์ป่าดุร้ายหรือโจรดักปล้นก็ไม่มี
...แล้วทำไมถึง...หรือว่าข่าวลือนั่นจะเป็นจริง...
“อาเยี่ย สั่งการศิษย์ให้สำรวจท่าเรือสัตตบงกชปากทางสุสานป่าไผ่ อาเฉิง
ไปเอากระบี่แล้วตามพ่อมา”คำสั่นหุนหันเรียกความไม่เข้าใจให้แก่ผู้แจ้งข่าวรวมทั้งเด็กสาวและเด็กชายให้งุนงง
บิดาของพวกเขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือ จากที่ไร้ข่าวสืบสาวหาตัวมาหลายชั่วยาม สุดท้ายก็พบเบาะแสชี้แหล่งว่าน่าจะอยู่ที่ไม่อันตราย
“ท่านพ่อ มีอะไรหรือเจ้าคะ?”เสียงหวานไตร่ถามอย่างห่วงใย
พร้อมกับมืออ่อนโยนประกบกอบกุมมือแกร่งของแระมุขเจียง
เรียกให้ดวงตาเครียดขึงจางหาย พร้อมกับสติที่กลับคืน
ดวงตาของผู้นำสำนักอวิ๋นเมิองปรายมองมือของลูกสาว
ก่อนจะเลื่อนสบดวงตาเป็นห่วงคู่งาม
ด้านหลังมีลูกชายคนเล็กที่ทอดมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงเช่นกัน ผู้ถูกจ้องมองยกมือคล้ายหวังปัดเป่าความเคร่งเครียดเหนื่อยล้าลูบหน้าตนช้าๆอย่างเรียกสติตรึกตรอง
...ปิดไม่มิดเลยหรือเรา...
“อ่า... อาลี่ ไม่มีอะไรหรอก พ่อแค่ไม่ได้นอน อารมณ์จึงไม่ดีนัก”เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับบุตรสาวอย่างอ่อนโยน
มือใหญ่ตบมือเรียวระหงส์ของลูกสาวเบาๆสองครั้งแล้วผละจากไป
ด้วยดวงตาวาวโรจน์อย่างโจ่งแจ้ง จนเจียงเฉิงเลือกที่จะไม่ถามอันใด
แล้วเดินตามบุพการีอย่างเงียบงัน ไม่นานนักดวงตาเรียวคมวาวโรจน์ของประมุขเจียงก็หลับลง
พรางห้วนคิดถึงคดีเก่าคดีหนึ่งที่ตนเคยจัดการเมื่อเนิ่นมา
...คดีเทพลักพาของสุสานป่าไผ่ ที่พักนี้กลับมาเลื่องลืออีกครา...
...ข่าวว่ามีเด็กขอทานคนหนึ่ง เชื่อเรื่องอธิฐานกับเทพยดาป่าไผ่ หลังจากวอนขอแล้วจะได้ทุกสิ่งแต่ใจ จึงออกเดินไปตามเส้นทางสุสานป่าไผ่ยามค่ำคืน...
…เด็กคนนั้นกล่าวขอว่าให้ตนมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดจนถึงวันตาย...
...กลับมาได้เด็กคนนั้นก็กลายเป็นคุณชายที่หายไปของจวนเศรษฐีถัดไปอีกตำบล...
...แต่ไม่กี่วันผ่านพ้น ก็กลายเป็นศพคล้ายถูกดูดกินสิ้นเลือดเนื้อ หมดลมหายใจตายคากองเงินกองทอง...
________________________________
ดวงตาคู่งามของนายหญิงแห่งสัตตบงกช เหลียวมองท้องฟ้าปลายห้วงยามเฉิน
แล้วเหลือบมองเหล่าศิษย์น้อยใหญ่อวิ๋นเมิงที่เดินขวักไขว่น่าเครียดแตกต่างจากทุกวันด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ
ลมหน้าร้อนพัดต้องมู่ลี่ศาลากลางสระ หอบเอากลิ่นบัวบานเหนือน่านน้ำแตะต้องจมูกมิได้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายเฉกเช่นเดิม
เรียวขาใต้อาภรณ์สีสวยตวัดคลาย พรางลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นร่างของสามีเหนือกระบี่เงินวาววับทะยานลงมาใกล้ริมสระบัว
ใบหน้างามตวัดมองออกไปนอกศาลา ก่อนจะเห็นร่างสูงสง่าเดินเข้ามาด้วยท่าทีขึงขัง ใบหน้าฉายแววเด่นชัดว่ามีเรื่องไม่ปล่อยวาง
ในอ้อมอกแกร่งมีหอบผ้าอะไรบางอย่างขยุกขยิกอยู่ ทว่าดวงตาคู่งามของอวี๋ฟูเหรินหาได้สนใจ
“หาศพเจ้าเด็กเมื่อวานซืนนั่นเจอรึยังล่ะ”น้ำเสียงหวานเอยอย่างกระแทกกระทั้น
แขนเรียวยกกอดอก ดวงหน้าหวานขมวดมุ่นคล้ายไม่สบอารมณ์ แต่กระนั้นนัยน์ตาของนายหญิงเจียง
ใครเล่าจะมองแล้วไม่รู้ว่าสั่นเครือ เต็มไปด้วยความหวั่นไหวห่วงใยดุจระลอกคลื่นบนเหลียนฮวาอู้
ยามต้องสายลมของพายุที่พัดหวนรบกวนผืนน้ำ นางทอดมองสามีที่เดินใกล้เข้ามา ข้างหลังมีลูกชายที่พึ่งก้าวขาลงจากกระบี่
ก่อนจะตวัดเก็บมันลงฝักอย่างชำนาญ เจียงเฉิงหยุดยืนชะงักทำการคารวะมารดา “ท่านแม่...”
“อาเฉิง ใยยามนี้มิอยู่ที่ลานฝึก ข้าสั่งให้เจ้าบำเพ็ญตน ฝึกวรยุทธ์ทุกวันมิใช่หรือไร!! ไปวิ่งเต้นยุ่งวุ่นวายเพราะเหลือบไรหายไปตัวหนึ่งทำไมกัน!?”เสียงตวาดสะท้อนผิวน้ำกว้าง ก้องกังวานกระชากใจให้ผู้ได้ยินสะดุ้งโหยง
เจียงเฉิงกระชับดาบในมือแน่นอย่างตื่นตกใจ ก้มหน้าลงมองพื้นไม่อาจมองหน้ามารดา
“น้องสาม...”น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวเสียงเจือราวกระซิบ นางตวัดหน้างามมองสามีฉับพลัน
แต่ก่อนที่ริมฝีปากปาดสีชาดแสนสวยจะได้อ้าว่าต่อกร ดวงตาของมารดาผู้ปกครองแห่งเหลียนฉวาอู้
ก็เหลือบมองห่อผ้าห่อใหญ่ในอ้อมอกเจียงเฟิงเหมียนชัดๆอีกครา รูปลักษณ์เสื้อผ้าคล้ายห่อก้อนอะไรบางอย่างนั้น
เป็นเครื่องแบบของสำนักอวิ๋นเมิงเจียงมิผิดแน่ แต่ลายสีขลิบที่เข้มจนเป็นโลหิต ช่างระบุเอกลักษณ์อาภรณ์ของใครบางคนที่นางคุ้นเคยเหลือเกิน
“นั่นมัน...”นายหญิงเจียงรู้สึกหวาดหวั่นในใจขึ้นมาอีกครั้ง มือเรียวค่อยๆยื่นไปหมายคลี่ห่อผ้าในอ้อมอกสามี
ที่ตีสีหน้ากังวลเต็มประดา หวาดกลัวเหลือเกินว่า ภายในห่ออาภรณ์ที่ปกคลุม จะเป็นหัวทุยๆของเจ้าเด็กนั้นที่ถูกตัดเหลือไว้
...อะไร ใครมันอาจหาญกระทำกันถึงเพียงนี้กัน...
“ท่านพ่อ! อาเฉิง!” เสียงเรียกหวานใส พร้อมกับเสียงฝีเท้าเร่งรี่ย่ำกรายเข้ามาหา ทำให้เหล่านายท่านและนายหญิงสกุลเจียงผละสายตาจากห่อผ้าก่อนพุ่งตรงไปที่ร่างหญิงสาวอ่อนหวานวิ่งมาด้วยความว่องไว
เจียงเหยียนลี่...ดอกบัวงดงามแห่งสกุลเจียงลืมสิ้นมารยาทเคารพคำนับผู้ใหญ่ หยุดฝีเท้ายืนข้างน้องชาย
ดวงตาสุกใสของนางบ่งบอกถึงขีดจำกัดการอดทน รอฟังผลการค้นหาเว่ยอู๋เซี่ยนที่บิดาและน้องชายพบเจอ
เมื่อครู่บ่าวไพร่มาส่งสารว่านายท่านเจียงพบคุณชายสี่แล้ว หญิงสาวผู้อ่อนหวานไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป
ปรี่ด้วยใจที่คาดหวังตรงมาหาบิดา “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าได้ยินว่าเจออาเซี่ยนแล้ว เขาปลอดภัยดีไหมเจ้าคะ”
คำถามฝ่าวงของเจียงเหยียนลี่ ทำให้พ่อกับลูกชายที่ออกไปพบเจอเหตุการณ์ ‘ประหลาด’ ต้องจ้องหน้ากันด้วยสายตายากเกินอธิบาย
ขณะที่สายตาของเหล่าแม่นางในสกุลเจียง ทอดมองจ้องมาอย่างรอคอยคำตอบ อวี๋ฟูเหรินแสนใจร้อน
ตวัดนิ้วชี้ไปที่ห่อผ้าในอ้อมอกสามีอีกครา “แล้วเจ้าห่อผ้านั่น ใช่เสื้อผ้าของเว่ยอู๋เซี่ยนใช่หรือไม่
เรื่องราวมันเป็นไปมายังไงกันแน่ สรุปหาเจอหรือไม่เจอ”
คำถามของภรรยาและลูกสาว ทำให้เจียงเฟิงเหมียนถอนหายใจผ่านก้อนหนืดในคออย่างยากลำบาก
ก่อนจะมองไปทางเจียงเฉิงบุตรชายแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณหนึ่งครา
เจียงเฉิงที่ควรจะยินดีปรีดาที่สุด กลับขบเม้มริมฝีปาก แล้วตบเท้าก้าวเข้ามาประชิด
แทรกระหว่างมารดาและบิดาที่ยืนประจัญหน้ากัน มือของเด็กหนุ่มจะค่อยๆยื่นไปคลี่อาภรณ์
ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อออกช้าๆ เสียงกระดิ่งห้อยประจำศิษย์อวิ๋นเมิงสั่นคร่า เป็นของเจ้าของอาภรณ์สีแดงขลิบดำนั้น
ถูกเก็บถอดยัดซุกอกเจียงเฉิงทันที พร้อมกับห่อผ้าที่เปิดออกเผยให้เห็นสิ่งที่ ‘หลับใหล’อยู่ภายใน
ทันทีที่พบเห็นเต็มสายตา ความตื่นตะลึงงงงวย ฉาบฉวยกลืนกินเจียงเหยียนลี่
และอวี๋จื่อเยวี่ยนที่เคลื่อนกายมามุ่งดู ‘สิ่งนั้น’ ชิดใกล้ จนหาเสียงของตัวเองแทบไม่เจอ
...สิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั้นนะหรือ...
...คือ เด็กชายราวๆสามขวบหลับใหลไม่รับรู้ความ...
...ใบหน้าและผิวพรรณแสนสะคราญนั้นช่างคล้ายกับ...เว่ยอิง...
------------------------------------------------
...ตอนหน้า...
【ตอนที่ 2 - จบ】
โปรดติดตาม ตอนต่อไป
จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่
『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย!
หรือ
หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ
ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่
ขอหวีดรูปอีดิทตอนท้ายค่ะ พี่เฉิงของอาอิง T____T ใจบางไปหมดแล้ว จะได้เห็นอาเฉิงเป็นพี่ใช่มั้ยคะ55555555 ไม่เคยเจอเลย
ตอบลบแน่นอนค่ะ ^^
ลบสนุกมากเลยค่ะ
ตอบลบ