Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi : Take me somewhere I can call [My Home] 3/??

Title : Fic 魔道祖师 Mo Dao Zu Shi
Type : Dialouge Fiction

Topic : Take me somewhere I can call [My Home]

Chapter : 3/??

Pair : หลานวั่งจี x เว่ยอู๋เซี่ยน, เจียงเฉิง x เว่ยอุ๋เซี่ยน
Rate : PG 13+


คำเตือน 
  • Fic เรื่องมีความเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน หากมีทัศคติที่รับไม่ได้กรุณากดออก
คำชี้แจง

  • Fic เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักใดๆ ของปรมาจารย์ลัทธิจารย์ Mo Dao Zu Shi 魔道祖师 ที่อาจารย์ Mo Xiang Tong Xiu เจ้าของผลงาน เป็นเพียงเรื่องสมมติที่จินตนาการมาจากความคิดผู้แต่ง
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้กันนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์ โหวต แชร์ ถูกใจ หรือติดตามเป็นกำลังใจให้แก่คนเขียนนะคะ
  • หากมีผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ
  • รักนักอ่านทุกท่านคะ




============================
============================




Take me somewhere I can call [My Home]

บทที่ 3




สายลมอ่อนต้องผิว เรียกดวงตาที่หลับใหลให้ลืมตื่น
ได้เห็นเป็นรู้ว่ามิใช่ค่ำคืน หากเป็นแสงตะวันอันอบอุ่น ไม่ร้อนระอุสาดอาบ
มโนภาพกระจ่างแจ้ง ประจักษ์เห็น ประกอบเป็นทัศนียภาพที่คุ้นเคย ผุดเผยให้อุ่นใจ

...ที่ใดกัน?...
...อวิ๋นเมิง...เหลียนฮวาอู้...เช่นนั้นหรือ?...
...อ่า...ข้าช่างเลอะเลือน...หลบหนีหลานจ้านมาอวิ๋นเมิงไม่ใช่หรือ...ตัวเรา...

ดวงตาคู่งามที่หนักอึ้งค่อยๆเติมเต็มเด่นชัด
ทอดมองสายลมพัดผ่านศาลางดงาม ท่ามกลางกอสัตตบงกช ผลิดอกล่อภูมรินทร์

...ศาลานั่น...
...เจียงเฉิง... นายใหญ่นายหญิง ศิษย์พี่ต้องภูมิใจในตัวเจ้ายิ่ง...
...ศาลางดงามไร้ร่องรอยทำลายเป็นปริดทิ้ง เจ้าบูรณะกลับมาได้อย่างงดงาม...
...แต่ทว่าร้างรา ว่างเปล่า ไร้สามกายาผู้ชื่นชอบนักพักตรงนั้น...
...เจียงเฉิง...เจ้าทอดมองมันที่ว่างเว้นทุกวันได้อย่างไร...
...เพียงเสี้ยวหายใจ ข้าก็ขอบตาร้อนผ่าวจนต้องหลุบหน้าลง....

ข้าคือเว่ยอิง ผู้อาภัพ... เพราะไร้ที่พักพึงพิง สิ้นบิดรมารดา
ข้าคือเว่ยอู๋เซี่ยน ผู้อัปมงคล... เพราะก่อจลาจลสร้างชักพาสกุลเจียงล่มสลาย
ข้าคืออี๋หลิงเหลาจู่ ผู้หันหลังให้วิถีเซียน เข้าสู่อธรรมแสนมืดมน... เพราะมิอาจทนไร้กำลังยุทธจักรด้วยหลักสุขาวดี
ข้าผู้นี้... คือตัวหายนะ นำพาความตายมาสู่ผู้คนมากมาย... จนปถุชนจดจำ...เป็นจอมมาร

ความรู้สึกหนักอึ้งถ่วงตัวให้ทรุดนั่ง
พังพาบสะอื้นไห้ อย่างไร้ยางอาย
ทิ้งสิ้นความแค้นหนักอก เซซบทอดนอนตัวคูสั่นไหว
เว่ยอิงผู้มีหัวใจบอบช้ำนั้น รู้สึกอยากร้องไห้เมื่อในหัวหวนคิดถึงเรื่องราวในคืนวันไม่อาจย้อนคืน

ท่านพ่อท่านแม่...ข้าคิดถึงท่านเหลือคณา
ศิษย์พี่... ข้าละอายหนักหนาที่ทำให้จินหลินกำพร้า มิได้มีพ่อแม่
ท่านอาเจียงขอรับ... ข้าอกตัญญูนักที่ทดแทนชดใช้ท่านด้วยการล้างราฆ่าฟัน ไม่หวนนึกถึงคำสอนดีงามของสกุลเจียง

อวี๋ฟูเหริน...นายหญิง... ข้ามันก็เพียง... ตัวอัปมงคลตามที่ท่านกล่าววาจาอย่างแท้จริง
ไม่อาจทำตามคำสั่งนายหญิงให้ลุล่วง... 
ข้าไม่อาจปกป้องเจียงเฉิง...จากห่วงแค้น ความชิงชัง และความโดดเดี่ยวทั้งปวงได้เลยแม้แต่น้อย

หลานจ้าน...ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้ารอยคอยมาเนิ่นนาน และโดนโทษทัณฑ์กักขัง ถูกสั่งโบย
หมดสิ้นชื่อเสียงดับสูญฉับพลัน เพียงเพราะข้า..นามเว่ยอิง
ทิ้งให้เจ้าแหวกว่ายในธารครหา เกี่ยวข้องกับคนสายอธรรมอย่างข้า...เป็นคนวิปริสพิสดารเพียงเพราะดูแลกันและกัน

อ่า...โม่เสวียนอวี่...เจ้าเด็กน่าสงสาร...เหตุใดเจ้าถึงกล่าวขานเรียกตัวข้ากลับมากัน
ปล่อยให้วิญญาณข้าสูญสลาย กลับคืนสู่สามัญ นับว่าเป็นเรื่องดีอยู่แล้วจริงเชียว

อันแท้จริง...ดับสูญ..มิต้องเกิดมาเลยก็ดี!
คนอย่างข้า...คนอย่างเว่ยอิงผู้นี้...
หากไม่มีตัวตนอยู่เลย...เท่านี้...เรื่องราวเลวร้าย...คงไม่เกิดย่ำกรายแก่พวกเขา...ชั่วกัปชั่วกัลป์

“อาเซี่ยน”
น้ำเสียงอ่อนหวานเรียกให้ทั่วทั้งกายาของคนที่นอนคูตรงนั้นสั่นระริกเจือสะอื้น
กลิ่นหอมอบอวลที่ลอยกรุ่นใกล้เข้ามา ราวสะกดมนต์ปัดเป่า
ก่อนสัมผัสบางเบาจะแตะต้องเข้าที่หัวไหล่ของเว่ยอิง
น้ำเสียงแสนคิดถึงหญิงของศิษย์พี่หญิง เอื้อนเอ่ยนามตนได้สดับฟัง
“อาเซี่ยน เป็นอันใด... ลุกขึ้นเถอะ เหตุใดถึงมานอนอยู่ตรงนี้”

“ศิษย์...พี่...”
...ไม่จริง...เหตุใดท่านถึง...
“อาเซี่ยน เหตุใดถึงร้องไห้หนักเช่นนี้ อาเฉิงรังแกเจ้าหรือ”
ใบหน้างดงามตื่นตระหนก
แม้พร่าเลือนไปด้วยน้ำตา มองทัศนาไม่ค่อยชัด
แต่ทว่าปากบางสีกลีบบัวแห้งผากกลับ เรียกขานคงตรงหน้าอย่างไม่ลืมเลือน
“ศิษย์พี่...”
ก่อนจะทิ้งหน้าสบมองพื้น
ไม่อาจทานทนสบมองนางได้อีกต่อไป
มิอาจ...หลุดวาจาอันใดได้มากกว่านี้
ทำได้เพียงปล่อยสายนทีจากดวงตาบอบช้ำของตนต่อไป...

“ท่านพ่อ...ท่านแม่...แย่แล้ว อาเซี่ยนร้องไห้ไม่หยุดเลย”
เจียงเหยียนลี่กล่าวอย่างกังวล ร่างระหงส์ยกชายอาภรณ์เนื้อดีต้องแก้มซับน้ำตาน้องชาย
เว่ยอิงกวาดตามองภาพรอบกาย พบเห็นขื่อไม้สลักงดงาม
โคมกระดาษประทับตราบงกชเกล้ากลีบโบกสะบัดต้องลม
มู่ลี่ไหวแผ่ว เหนือคนที่ทำให้น้ำตาไม่อาจหยุดหลั่งรินได้ต่อไป
ใบหน้าประดับรอยยิ้มอบอุ่นนั่น...
ท่วงท่าทรงสง่านั่น...

“ท่านอา...”
กล่าวเรียกอย่างเลื่อนลอยด้วยเสียงที่เหือดแห้ง
มองดูใบหน้าที่เคารพดั่งบิดากระจ่างแจ้ง มิอาจคิดดึงสติตอบตนเองได้ว่านี่คือความจริง หรือห้วงฝัน
ผู้มีพระคุณที่ไม่อาจห้วนคืนเหตุใดมายืนอยู่ตรงนั้น
ปรากฏอยู่ตรงหน้าได้อย่างไรกัน หรือเพราะเหตุอันใด...

ศาลาเหนือเหล่ากอสัตตบงกชชูช่อโบกสะบัด
สายลมหอบหวนพัดกลิ่นอบอวลของไอแดด
ปลดเปลื้องมลายสิ้น กำแพงในจิตใจทลายลง หมดเรี่ยวแรง
ก้มค้อมขอขมาอย่างหวังกับลงทัณฑ์ บั่นทอนความชั่วชาสามานย์ในอดีตที่ตนได้กระทำ
ต่อผู้รับเคราะห์เพราะเกี่ยวข้องกับหายนะอย่างเขา...ทันใด

“ศิษย์พี่... ข้าขออภัย... ข้าอกตัญญูนัก ก่อปัญหา นำพากาลกิณี ทำให้ท่านสละชีวีไม่ได้เห็นจินหลินเติบโต”
แม้รู้สึกหัวปวดราวกับจะระเบิดปะทุหลั่งทะลักของในสมองออกมา
แต่ทว่า...เจ้าของศีรษะกลับไม่อาจหยุดโขกขอขมาไ
“อาเซี่ยน นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ! หยุดนะ! พอเถอะ! ลุกขึ้นเสีย!”
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างก่อนพยายามดันไหล่ของคนที่มีสีหน้าทรมาน ให้ละการกระทำที่ทำร้ายตน
แต่ทว่าไม่อาจหยุดยัง ผู้ที่รู้สึกผิดจนต้องโขกศีรษะคำนับลงโทษตนได้เลย...
เจียงเหยียนลี่ จึงเอื้อนเอ้ยเสียงอ่อนด้วยความเมตตา
“อาเซี่ยน...พอเถอะ... มันเป็นชะตากรรม สิ่งที่อาเซี่ยนทำนั้นดีแล้ว”

“เว่ยอิง หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงทุ้มกล่าวเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เว่ยอิงชะงัก
ใบหน้ามนผละจากพื้นก่อนค่อยๆเงยสบผู้มีพระคุณทั้งน้ำตา
ท่านอา...ข้ายังจำวันที่ท่านนำข้ามาอวิ๋นเมิงได้ดี
ท่านไม่น่ารับเลี้ยงตัวอัปรีย์อย่างข้ามาเลย...

มือเรียวสั่นระริกยื่นออกไปหาร่างสูง
ประมุขผู้โอบอ้อมอารี ค่อยพยุงร่างลูกเลี้ยงอย่างห่วงหา
สองแขนแกร่งโอบกอด รั้งร่างที่คร่ำคราญสั่นไหวด้วยความเวทนา
ก่อนกระซิบวาจา แผ่วเบาอย่างใจดี
“อาเซี่ยน... พอเถอะนะ... อย่าได้โทษตัวเองอีกเลย”

“ท่านอา... อึ๊ก... ข้า....เลวนัก...”
ใบหน้าเปรอะเปื้อนเงยซบเกยทบบนไหล่ของพ่อคนที่สอง
อกปวดหนึบ ลำคอมีก้อนบางอย่างจุกลึกกล้ำกลืน
อยากจะเค้นเสียงกล่าวว่าตำหนิตนเองอีกมากมาย
“...ข้าขอโทษ...ขอรับ...”
แต่ทำได้เพียงกล่าววาจาขอโทษเจื้อสะอื้นประโยคเดียว

ตะกรองกอดขยับกระชับแน่น
ใบหน้าคมของอดีตประมุขเจียงฝังแนบศีรษะทุย
ขาแกร่งทิ้งเข่าทรุดนั่ง ปล่อยกายเป็นหลักเอนอิงให้ ศิษย์เอกอวิ๋นเมิงผู้ภักดีได้พึ่งพิงกายา
สดับฟังเสียงสะอื้นไม่อาจกลั้นของเด็กชายที่เลี้ยงดูมา
รับรู้สัมผัสนิ้วหงิกหงอของเด็กน้อยในวันวานนั้น ตะกุยจิกแผ่นหลังกว้างของตนราวกับไม่อยากให้เขาจางหายไป
ทำให้เจียงเฟิงเหมียนโต้ตอบประโลมปลอบลูกชาย ด้วยการใช้มือใหญ่ตบเบาๆ พรางลูบไล่ก้อนสะอื้นที่แผ่นหลังของเว่ยอิง
“ไม่เป็นไร... ไม่ต้องขอโทษอันใด... ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเลย...เว่ยอิง”

“ใช่...ท่านไม่เคยโกรธเขาเลย...”
เสียงทรงอำนาจ ดังก้องเรียกให้ใบหน้านองน้ำตาค่อยๆหันสบ
ผละจากอ้อมแขนแกร่งของผู้อุปการะ แล้วคุกเข่าคลานกาย หมุนตนกลับตัวมองไปด้านหลัง
ปรากฎกาย ร่างสวยสง่าสวมมงกุฎทองคำ พร้อมดวงตาที่ทรงอำนาจนั้น...
มันทำให้เว่ยอิงรู้สึกใจพังทลาย “...อวี๋...ฟูเหริน...”

หญิงสาวอดีตเจ้าของแส้จื่อเตี่ยนค่อยๆสืบเท้าเดินเข้ามาใกล้
ปากของนางเริ่มร่ายเล่าชนักความผิดติดตัวศิษย์เอกที่ดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตา 
เอ่ยประนามราวกับว่าต้องการกรีดแผลในใจผู้ฟังด้วยน้ำเสียงย่ำยี
“โดดเด่นเหนือลูกข้า...
กริยาวาจาไม่คิดหน้าหลัง...
ยุ่งวุ่นวายช่วยผู้อื่นไม่สนใจผลกระทบของการกระทำ..
ชักนำอริทำลายสกุลเจียง...
ทอดทิ้งคุณธรรมบ่ายเบี่ยงสู่สายมาร...
วิปริตเหลือทนป่นปี้ชื่อเสียงคุณชายรองหลานไม่เหลือชิ้นดี...”

น้ำเสียงเด็ดขาดกล่าวขาน
เว่ยอู๋เซี่ยนทรมานราวกับโดนหวาย
ฟาดกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในหัวใจแทบพังทลาย
หยดน้ำตามากมายรินรดชายผ้างดงามละพื้นตรงหน้าตน
ไม่อาจทนประจันษ์หน้ากับนายหญิงสกุลเจียง
ทำได้เพียงเอื้อมมือสั่นระริก ค้อมคำนับแทบเท้าผู้เจ็บช้ำเพราะตนเองตลอดมา

....เจ้าต้องปกป้องเจียงเฉิง...เจ้าต้องปกป้องเขา...แม้ต้องสละชีวิต...เข้าใจหรือไม่!...

คำสั่งเสียสุดท้ายนั้นเว่ยอิงจำได้ขึ้นใจ
ยิ่งนึกถึงยิ่งไม่อาจสบตาของฟูเหรินได้แม้แต่น้อย
หลุบตาต่ำ ก่อนกล่าววาจาเสียงค่อยแผ่วเบาเจือจาง
ไม่ใช่เพราะกลัวนาง...แต่ละอายเกินกว่าจะสารภาพออกไป
“นาย...หญิง... ข้า...ไม่อาจรักษาสัจจะ...”

...ข้าไม่อาจปกป้องเจียงเฉิงผู้ไร้เดียงสา มีเมตตา ไร้ความคิดโหดร้าย...ผู้นั้นไว้ได้...

“นายหญิง...  เว่ยอิงผู้นี้หาได้มีส่วนดีไม่... ทำผิดมหันต์ตามที่ท่านกล่าว... เพียงโขกหัวขอขมามิอาจลบล้างสิ่งใดได้...
เพราะฉะนั้น...ท่านโปรดลงโทษข้าด้วยความตายเสียเถอะขอรับ...”

เว่ยอิงกล่าวสิ่งที่ตนคิดตะกุกตะกัก
และก่อนริมฝีปากบางแห้งผากจะขยับเอ่ยอันใดต่อไป
ความอบอุ่นวูบใหญ่ก็โอบล้อมฉับพลัน
คนที่โค้งตัวคำนับหน้าผากแนบพื้นถูกฉุดรั้ง
มือเรียวแต่ทรงพลังดึงดันต้นแขนลูกเลี้ยงที่ตนมักแสดงความเกลียดชังขึ้นมา
ก่อนจะถูกชักพาแนบอิงในอ้อมอก ปลดปล่อยให้คนที่ตื่นตระหนกซึมทราบความอบอุ่นดั่งมารดาแท้จริง
แล้วบอกในสิ่งที่เว่ยอิง... ควรได้ยิน... ตลอดมา

"คิดว่าข้าควรจะถือโทษโกรธเคืองเรื่องพวกนี้ต่อไป โดยไม่สนใจเจตนาแท้จริงของเจ้าเช่นนั้นหรือ"
"...นายหญิง...ข้า"
“...พอเถอะ...พอ...พอแล้วล่ะ...เว่ยอู๋เซี่ยน”
“…”
“เจ้าทำได้ดีมาก...มากกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก... เว่ยอิง”

ราวกับห้วงเวลาหยุดชะงัก
เสียงกระซิบเหมือนกับปลดเปลื้องชนักหนักอึ้ง
บ่าที่เทียมลากความทุกข์มาเนินนาน...
ถูกมือเรียวของนายหญิงสัตตบงกชเอื้อมวางทาบดันออกอย่างแผ่วเบา
ดวงตาร้อนผ่าวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของลูกเลี้ยงเบิกมอง
เพ่งพิศสบส่องดวงหน้าแย้มยิ้มอ่อนโยนจางๆของอวี๋จื่อเยวี่ยน ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
ปากสีสวยที่เคยกล่าววาจาเหยียดหยามกระทำกันแย้มยิ้มส่งมา
ก่อนมือเรียวที่ถือแส้กวัดแกว่งเคยฟาดฟัน จะเกลี่ยปาดเอาหยดน้ำออกจากเนตรคู่งาม...
เชื่องช้า...แผ่วจาง... บางเบา ถนอมถือยกเอาใบหน้าที่คล้ายหญิงที่ตนเกลียดชัง
ด้วยฝ่ามือที่แม้ติดกระด้าง แต่กลับแผ่ซ่านไปด้วยความละมุนนุ่มนวล

อวี๋ฟูเหรินทอดมองเด็กน้อยร่าเริงในวันวาน
วิ่งผ่านเรื่องราวทรมาน เพื่อแบกรับแก้ไขสถานการณ์แทนผู้อื่นเสมอมา
แล้วกล่าววาจากระซิบเบา พร้อมลูบไล้เผ้าไม่ปรกลงปิดหน้าเปื้อนน้ำที่งดงาม
เผยท่าทีดั่งมารดาที่แท้จริง
เผยความรู้สึกจากใจจริง โผล่พ้นเหนือโคลนตมความริษยาเพราะว่าเป็นลูกของคนที่ตนเกลียดชัง

“เด็กน้อยเอ้ย...”น้ำเสียงหวานกล่าวเจือความเวทนาสั้นๆ 
“เจ้ารักษาสัญญาได้ดีมาก...เว่ยอู๋เซี่ยน... มากจนข้าไม่รู้จะกล่าวขอบใจเจ้าอย่างไรแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้คนที่ถูกปลอบประโลมสั่นหน้าส่ายช้าๆ ริมฝีปากระริกเปิดอ้า..เตรียมขานวาจาค้านทันใด
แต่ทว่า...นิ้วเรียวของมารดาเลี้ยงแซ่เจียงกลับสัมผัสริมฝีปากแห้งผากเผยออกเตรียมกล่าวพูด เป็นการบอกให้เขาสยบหยุดมิต้องกล่าวอันใด

อวี๋จื่อเยวี่ยนคลี่ยิ้มเศร้า แล้วช้อนเอาศีรษะทุยมาซบไหล่
ยกแขนเรียวประครองกอดแผ่นหลังเพื่อนลูกชาย
ที่เห็นมาตั้งแต่เด็กจนตนตายอย่างสงสารเวทนา

“นำพาลูกข้าหลบหนี
สละจินตันแหล่งกำเนิดวิถีเซียนช่วยเหลือเขาไม่คำนึงถึงความเป็นตายของตน
พลีกายเข้าสายมาร พยายามมิให้มืออาเฉิงแปดเปื้อน
ฝืนชักนำซากศพแก้แค้นแทนสำนักอวิ๋นเมิงจนตัวตาย"

ทำเพื่อผู้อื่นมากมาย แต่กลับเป็นบ่อเกิดให้เจ้าต้องทนเจ็บปวดทรมานทั้งกายใจ

“เท่านี้... คำสัญญาที่เจ้ารับปากข้าไว้ก็ถือว่ากระทำจนหมดสิ้นแล้วล่ะนะ... เว่ยอิง”
“...นายหญิง...”
“ข้าขอบใจเจ้าจริงๆที่ดูแลอาเฉิงอย่างดี”

อย่างดีงั้นหรือ...

“แต่ข้า...ก็ทอดทิ้งให้เจียงเฉิง โดดเดี่ยว...หลงวนในความแค้น...และโศกเศร้านะขอรับ”
เว่ยอิงมิอาจทนเก็บความผิดสุดท้ายของตนได้อีกต่อไป
สายน้ำตาที่หยุดไหล เริ่มทะลักจากขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้ง
น้ำเสียงอู้อี้เจือสะอื้นกล่าวตำหนิตน ทำให้เจ้าของอ้อมกอดได้แต่ขบเม้มริมฝีปากรับ
ก่อนจะประทับจูบข้างขมับ เด็กชายในอ้อมกอดอย่างปลอบประโลม
แล้วเคลื่อนใบหน้าเศร้าโศกกระซิบความจริงของโลกา

“..พอแล้ว..”
...พอเถอะนะ เว่ยอิง อย่าได้ร้องไห้หลั่งน้ำตาอีกเลย...

“อย่าได้โทษตัวเองอีกเลย..เด็กน้อย”
...อย่าได้แบกรับความผิดของคนอื่นมาไว้บนบ่าที่บอบบางสั่นไหวนี้อีก...

“โชคชะตาถูกลิขิตไว้ของใครของมัน เราไม่อาจแก้ไข”
...เพราะเบื้องบนมักขีดเขียนให้โลกใบนี้มันโหดร้ายเกินไป โดยที่คนตัวเล็กๆอย่างเราไม่อาจทำอันใดได้...

“ที่เจ้าดิ้นรน แก้ไขเรื่องราว แบกรับความทุกข์ทรมานของคนอื่นไว้เองก็เกินพอแล้ว”
...หากเป็นผู้อื่นคงทำได้เพียงปล่อยไปไม่ดิ้นรน เพราะปลดปลงใจ สำเหนียกเพียงแค่ไม่อาจหยุดยั้งน้ำทะเลดินฟ้า และความเลวทรามของใจคน...

“อวี๋...ฟูเหริน...”คนในอ้อมกอดกล่าวเรียกนายหญิงของตนเสียงสั่น
หญิงสาวผู้ห้าวหาญรับฟังเสียงเรียก ก่อนจะกระซิบข้างใบหูของเว่ยอู๋เซี่ยนอย่างอ่อนโยน
“เรียกข้าว่า...อาเหนียง เถอะนะ”

ทันทีที่จบประโยค เปลือกตาสีงาช้างค่อยๆหลับลงขับไล่ม่านน้ำตาให้ร่วงหล่น กลิ้งลงรดแก้ม
ก่อนบรรจงยกสองแขน ที่ทิ้งตกข้างตัวขึ้นสวมกอดอวี๋ฟูเหริน
หญิงสาวผู้แข็งแกร่งแย้มยิ้มบาง ๆ ก่อนสางผมดำขลับเล่น อย่างที่อยากทำเสมอมา
ก่อนจะทอดสายตา มองดวงวิญญาณสามีและลูกสาวตรงหน้า ด้วยดวงตาที่พร่าเลือน

ทั้งเจียงเฟิงเหมียน และเจียงเหยียนลี่ที่ทอดมองจื๋อเยวี่ยนยอมเปิดเผยความในใจอย่างซาบซึ้ง
ก่อนทั้งสองจะทรุดกายลง รวมวงปลอบประโลมร่างที่สั่นไหวเพราะแรงสะอื้นช้าๆ
มือใหญ่ของอดีตประมุขเจียงสอดวางไล่ลูบศีรษะ คนที่ตนรักดั่งลูกชายอย่างแผ่วเบา
ส่วนหญิงสาวผู้จากโลกนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ไม่เห็นลูกชายได้เติบโตนั้น...
ทิ้งหน้าผากแนบกับแผ่นหลังน้องชาย ผู้ที่เคารพรักเธอเสมอมา
แล้วยกมือเรียวลูบไล้แผ่นหลังโปร่งบาง ที่ปกป้องเธอตลอดมาอย่างแผ่วเบา

ทั้งสามได้กอบโกยเก็บเศษซากหัวใจของเว่ยอู๋เซี่ยนแห่งสกุลเจียงมาต่อผสานคืน
ก่อนจะอุ้มชูถือประครอง ไม่ให้รอยร้าวทะลายครืน แตกแยกเป็นชิ้นแหละมลายเหมือนเช่นก่อนกาล

...เป็นคนดีมีคุณธรรม ตัดสินการกระทำผู้อื่นตามผิดชอบชั่วดี เมตตาอารี ช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ...
…เป็นศิษย์เอกผู้เลิศเลอ นำพาชื่อเสียงมากมายมาสู่สำนักเจียงจนเป็นที่กล่าวขาน...
...เป็นลูกบุญธรรมกตัญญู ดูแลศิษย์พี่น้อง ปกป้องคุมภัยใจกายคอยติดตาม...
...เป็นบุรุษผู้สละตนทิ้งตัวเข้าสายมาร ปกป้องสี่สกุลเซียน ปิดปากเงียบแบกคำครหา นำพาเจตนาที่แท้จริงตายจากไปพร้อมตน...
...เว่ยอู๋เซี่ยนผู้นี้ได้ประพฤติตน สมกับเกิดเป็นคน มากกว่าผู้วายชนม์คนใดจะเทียบเคียง...

...เจ้าตายจาก แล้วหวนคืนในร่างโม่เสวียนอวี่...
... ภาระหน้าที่...แม้แต่เรื่องสกุลเจียง...ก็ไม่อาจจะโยนห่วงคล้องคอ รั้งเจ้าผูกพันธ์ได้อีกต่อไป...
…นับจากนี้...เป็นอยู่อย่างไรต่อนั้น ถ้าไม่เกินฟ้าลิขิต ขอให้เจ้าได้เลือกทางเดินตามใจ...


“  เว่ยอิง... ต่อจากนี้... เจ้าจงใช้ชีวิตที่เหลือของเจ้า ตามแต่ใจที่เจ้าต้องการเถอะนะ 

ส่วนพวกข้า...จะรอคอยเจ้าพาหานกวงจวิน มาคำนับครั้งที่สาม ตามติดค้างไว้ในวันนั้น


และจงจำไว้...ไม่ว่าเจ้าจะอยู่แห่งหนใด... หรือกับใคร
[บ้านสกุลเจียง] จะอยู่ในความทรงจำของเจ้า... ตลอดไป



----------------------------



“นายท่านเจียง! คุณชายหลาน! แย่แล้วขอรับ!!
คุณชายเว่ย... คุณชายเว่ย เขา...
.
.
.
เขาไม่หายใจแล้วขอรับ!!!! ”







【บทที่ 3 - จบ】
โปรดติดตาม ตอนต่อไป



จะรีบไปไหนๆ ถ้าชอบและถูกใจ Fic เรื่องนี้ 
อย่าลืมส่งมอบคำติชม หรือให้กำลังใจ กับ Suky ได้ที่


『กล่อง Comment ด้านล่าง』
ไม่ต้องสมัคร/ลงทะเบียนให้วุ่นวาย พิมพ์ได้เลย! 

หรือ

หากท่านเล่นทวิตเตอร์ เมนชั่นคุยกันใต้ทวีตเรื่องนี้
คลิ๊กตัวอักษรสีฟ้าเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Fic เรื่องนี้นะคะ อิอิ




ติดตามผลงาน Fic / นิยาย ของ Suky ได้ที่

============================
============================


  • มุมคุยกันกับคนเขียน [ ที่คันปากอยากเล่ายิบๆ ]

อ๊า...ในที่สุดก็โยงเข้าคอนเซ็ปชื่อเรื่องได้สักที
วางแผนปั่นให้จบ 3 ตอน...ก็ไม่จบ

เขียนมันส์ สนั่นมือมาก เลยยาวขึ้นเรื่อยๆ
สนุกสนาน และดื่มด่ำกับดร่าม่าเข้มข้นนี้กับเรากันเถอะค่ะ




ความคิดเห็น

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. นอนอ่านเเล้วร้องไห้จริงจังมากกก TT^TT


    ตอบลบ
  3. บ่อแตกกลางออฟฟิส.....ใครจะรับผิดชอบ ; ;

    ตอบลบ
  4. สนกนะ แต่ถ้าจะให้ดีไม่ควรใช้บทบรรยายเป็นกลอนเยอะขนาดนี้(หรือเราอ่านเป็นกลอนอยู่คนเดียว) เอาเป็นว่า
    สนุกมากกกก อินมากก ฮืออ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เป็นสำนวนภาษาเฉพาะตัวค่ะ อิอิ ดีใจที่ชอบนะคะ

      ลบ
  5. น้ำตาใกลตามเลย หาตอน4ไม่เจอง่าาแงงงงงง

    ตอบลบ
  6. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  7. อ่านแล้วนํ้าตาแตกเลยคะแม่ถามเลยว่าเป็นอะไรลูกคืออินมากนํ้าตาเต็มเสื้อเลยคะงื้อออชอบตอนนี้มากกตินอื่นก็ชอบนะคะแต่ตอนนี้ซึ่งกินใจไปเลยจริงๆๆ

    ตอบลบ
  8. มันสะเทือนใจมากๆเลยค่ะ ตรงที่เว่ยอิงเจอคนในสกุลเจียงเเล้วก็ร้องไห้ไปอ่านไป ร้องหนักสุดตรงอวี๋ฟูเหรินเริ่มพูด สำนวนกับการสื่อสุดยอดมากๆเลยค่ะ TT ยังรออยู่เสมอนะคะ

    ตอบลบ
  9. มาต่อเถอะครับขอร้องละมาต่อเถอะT°T

    ตอบลบ
  10. เศร้ามากกกกก มาต่อเถอะนะคะะะะ

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ6 กรกฎาคม 2562 เวลา 02:09

    มาต่อนะค่ะ

    ตอบลบ
  12. อ่านแล้วทำไมน้ำตาใหลละ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะสู้ๆ

    ตอบลบ
  13. มาต่อทีพลีสสส​ น้ำตาแตกเลยฮือออ

    ตอบลบ
  14. ยังคงรออยู่เสมอนะคะอ่านกี่รอบก็ยังคงเรียกน้ำตาได้ตลอดได้โปรดมาต่อเถอะนะคะปูเสื่อนอนรอเลยค่ะ

    ตอบลบ
  15. ชอบสำนวนไรท์มาก เศร้ากลับมาอ่านอีกก็เศร้า ติดตามต่อจ้า

    ตอบลบ
  16. น้ำตาไหลเป็นสายเลยค่ะ ฮื่อออ สงสารเว่ยอิงมากมาย แบบไม่ไหหวแล้ว
    เราชอบสำนวนภาษาในการบรรยายของไรท์มากๆค่ะ อ่านแล้วอินตามไปหมดจริง
    เรารอติดตามตอนต่อไปนะคะ

    ตอบลบ
  17. หนูจะรอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย

    เเงงงงงงงงงงงง
    น้ำตาไหลเป็นเขื่อนเเตกเลยอะ คือเเบบไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี เว่ยอิงก็น่าสงสาร เจียงเฉินก็น่าสงสาร อยากจะกอดปลอบที้งคู่เเล้วชุบชีวิตอีก3คนขึ้นมาฮืออออ

    ตอบลบ
  18. ชอบภาษาพี่มากเลยอะ คือโคตรสวย

    ตอบลบ
  19. รออยูนะค่ะตัดฉับเลย แบบนี้พี่หลานเสียใจไหใตกใจกันแน่เลย

    ตอบลบ
  20. มาต่อเถอะน่ะค่ะะะ

    ตอบลบ
  21. รออยู่เด้อค่าาาาาา แต่งได้สนุกน่าติดตามมาก รออยู่น้า~~

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ26 กรกฎาคม 2562 เวลา 22:52

    รออยู่นะคะ ;-;

    ตอบลบ
  23. ยังอยากให้มาต่อนะคะ ยังรออยู่ตลอดเลยน้าา

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ13 สิงหาคม 2562 เวลา 19:24

    รอไรต์มาต่อนะคะเนื้อเรื่องดีมากๆเลบค่ะ

    ตอบลบ
  25. ไม่ระบุชื่อ14 สิงหาคม 2562 เวลา 12:02

    เข้ามาเชียร์ให้แต่งต่อค่ะ คนอ่านค้างมากๆ T_T

    ตอบลบ
  26. แงงง อยากให้มาต่อแล้วอ่ะ นี่นอนร้องไห้จริงๆนะ ฮืออออออ

    ตอบลบ
  27. ชอบมากเลยค่ะ ทำไมถึงมาเจอตอนนี้นะ แต่งดีมากค่ะ ชอบภาษาในการแต่งนะคะ กลับมาต่อเร็วๆน้าาาาา

    ตอบลบ
  28. ชอบความมีสำนวนสอดแทรกมากๆค่ะมันทำให้อินกับเนื้อเรื่องมากขึ้นรออยู่นะคะ

    ตอบลบ
  29. ไม่ระบุชื่อ25 กันยายน 2562 เวลา 07:24

    มาต่อเถอะค่ะค้างคานอนไม่หลับ

    ตอบลบ
  30. ไม่ระบุชื่อ25 กันยายน 2562 เวลา 08:15

    มาต่อนะค่ะ รออยู่

    ตอบลบ
  31. ขอร้อง ต่อเถอะนะครับ

    ตอบลบ
  32. รออยู่นะมาอัพต่อเร็วๆนะ

    ตอบลบ
  33. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2562 เวลา 22:25

    เพิ่งมีโอกาสได้มาอ่าน เราไม่รู้ว่าคุณคนเขียนยังเขียนเรื่องนี้อยู่มั้ย ไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาอ่านคอมเมนต์ของเราหรือเปล่า แต่เราชอบการบรรยายเรื่องราวของคุณมากๆเลย(บางประโยคตอนอ่านเหมือนคุณจะเขียนเชื่อมเป็นกลอนด้วย เราคิดไปเองหรือเปล่านะ?55) ถ้ามีโอกาส เรายังอยากอ่านผลงานของคุณผ่านฟิคเรื่องนี้อยู่นะคะ คุณไม่ต้องรีบก็ได้ เราจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมที่จะกลับมา (แต่เราแอบเชื่อนะว่าคุณจะกลับมาแน่ๆ55) กลับมาอยู่ด้วยกันก่อนนะคะ รัก<3

    ตอบลบ
  34. กลับมาอ่านทีไรน้ำตาไหลทุกทีเลย ฮือออออออ ยังรออยู่เสมอนะคะ พร้อมสำหรับดราม่าตลอด

    ตอบลบ
  35. แอ๊ แงง ไรท์ยังเขียนอยู่มั้ยค่ะ หรือเราหาไม่เจอเอง

    ตอบลบ
  36. How to Play Casino: Easy Guide to playing slots on
    Casino games are played by 4 players, the average time they take febcasino.com turns is 토토 around 14:20. The https://vannienailor4166blog.blogspot.com/ house is divided 출장샵 into three distinct wooricasinos.info categories: the house

    ตอบลบ
  37. ต่อให้เป็นฟิครายปีเราก็จะรอนะคะ🥲

    ตอบลบ
  38. ไม่ระบุชื่อ15 เมษายน 2566 เวลา 09:21

    ยังรออยู่นะคะ ช่วยมาเขียนบทสรุปให้ที😭

    ตอบลบ
  39. ไม่ระบุชื่อ22 ตุลาคม 2566 เวลา 18:22

    กลับมาอ่านหวังว่าจะมาต่อนะคะะ😭

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น